K Guide Book, vol. 4 Renewal Procedure by Takahashi Yashichirou
Renewal procedure by Takahashi Yashichirou
ระเบียบการต่ออายุ โดย ทาคาฮาชิ ยาชิจิโร
English Translation: http://chilly-territory.tumblr.com/post/51579495057/k-guide-book-vol-4-renewal-procedure-by-takahashi
สำนัก งานของผู้บังคับการแห่งเซ็ปเตอร์ 4 ที่คุซานางิ อิซึโมะถูกนำทางไปนั้นยังคงเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดเหมือนเคย ครึ่งหนึ่งดูเหมือนออฟฟิศแบบตะวันตกสมกับเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีกครึ่งกลับเป็นห้องชงชาแบบญี่ปุ่นที่แยกจากอีกส่วนด้วยบังตาไม้ไผ่สี เขียว
“ยอดเยี่ยม เอกสารไม่มีจุดที่ต้องแก้ไขเลย ชั้นขอรับรองการต่ออายุราชอาณาเขตของปีนี้”
ราชา สีฟ้า “มุนาคาตะ เรชิ” ผู้นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะผู้บังคับการในสำนักงานประหลาดตรวจสอบเอกสารแล้วจึง ผงกศีรษะ ถึงแม้ว่าบรรยากาศในห้องจะดูภูมิฐานเป็นทางการตามแบบของราชา แต่ในความเป็นจริงบรรยากาศกลับชวนให้อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าหากแคลนส์แมนสีแดงทุกคนเป็นคนมีเหตุมีผลเหมือนเธอก็คงจะดี”
“ทาง นี้ต่างหากที่ควรจะต้องขอบคุณที่ราชาสีฟ้าผู้มีงานรัดตัวสละเวลามาตรวจ สอบเอกสารให้ด้วยตัวเอง” คุซานางิที่รักษาระยะห่างจากชายอีกคนตอบอย่างไม่แยแสขัดกับบรรยากาศหนักอึ้ง ในห้อง “แต่ที่จริงแค่ให้พนักงานต้อนรับประทับตราให้ก็พอแล้วล่ะ”
“ก็ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการแบบขอไปทีได้” มุนาคาตะยิ้มออกมา ทำให้อากาศในห้องหายใจได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าของมุนาคาตะก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่มากเกินกว่าจะดูผ่อนคลายได้อย่าง แท้จริง แม้แต่เสียงที่นุ่มนวลก็มีความยุ่งยากใจที่ชวนให้คุซานางินึกถึงการสอบปากคำ แฝงอยู่ “มันเป็นข้อตกลงสำคัญระหว่างราชาตามข้อกำหนดที่ 120 ชั้นมั่นใจว่าเธอเองก็เข้าใจถึงความสำคัญของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นช่วยเลิกแดกดันเรื่องนี้ทีเถอะนะ”
ราชาทั้งเจ็ด ที่หลักศิลามอบพลังให้แต่ละคนต่างก็ได้รับสิทธิ์ให้ปกครอง อาณาเขตที่เฉพาะเจาะจง เรียกว่าราชอาณาเขต ในกรณีของราชาสีแดง ราชอาณาเขตของเขาคือบาร์ HOMRA ส่วนราชาสีฟ้าก็มีตึกกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวสาขาที่ 4 ระเบียบกำหนดไว้ว่าราชาจะต้องต่ออายุสิทธิ์การครอบครองราชอาณาเขตทุกปีปีละ ครั้ง
สาเหตุที่คุซานางิอุตส่าห์ลากขาตรงมายังพื้นที่ของเซ็ป เตอร์ 4 ที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของแคลนสีแดงด้วยความตั้งใจของตัวเองก็เพราะการต่อ อายุตามระเบียบการจะต้องทำที่สาขา 4 ของกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวนี้
“มิ ได้ ในฐานะที่เป็นแคลนส์แมน ผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องเคารพและถ่ายทอดความคิดเห็นและความต้องการของ ราชาของผมอย่างเต็มกำลังความสามารถ”
ปกติแล้วแค่การเสแสร้ง เป็นสุภาพเจือการถากถางประชดประชันของคุซานางิก็เพียง พอจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามพูดไม่ออกได้แล้ว แต่มุนาคาตะกลับยังนิ่งเฉย
“หมายความว่าเขาไม่เคยคิดจะมาด้วยตัวเอง ถึงได้ส่งแต่ตัวแทนมาทุกครั้ง อย่างงั้นสินะ”
นายเองก็เหอะ รู้อยู่แก่ใจแล้วยังมาถาม คุซานางิคิดด้วยความสับสน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ราชาสีแดงของเรานอนหลับระหว่างเวลาทำการของฝ่ายต้อนรับของคุณ”
มุนาคาตะหัวเราะเบา ๆ ส่วนหนึ่งเพราะคิดไม่ถึง “เข้าใจล่ะ เป็นข้ออ้างที่ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ”
คุ ซานางิไม่คิดจะร่วมคุยเรื่องจิปาถะซึ่งมีแต่จะทำให้ตัวเองเพลียเอาทีหลัง เขาจึงพยายามหาจังหวะจากไปให้เร็วที่สุด “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็”
“จะว่าไปแล้ว” มุนาคาตะพูดขึ้นเหมือนจะกันไม่ให้คุซานางิจากไป
“ถ้า ไม่เป็นการรบกวน ช่วยชี้แจงหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนและหลังเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ พวกนายจัดการกับองค์กรศัตรูกับคนในนั้น ทางนี้เองถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ช่วยประหยัดเวลากับแรงงานที่จะต้องรวบรวม หลักฐานน่ะนะ”
“อา เรื่องนั้น คือว่า หลังจากคุยกับคนของเราแล้ว...” คุซานางิโดนลากไปตามบทสนทนา แต่เขาไม่สามารถจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นกับมุนาคาตะได้อยู่แล้ว ดังนั้น… “เรื่องนั้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเร็ว ๆ นี้แหละ” เมื่อเลี่ยงคำถามได้แล้วคุซานางิก็หันหลังด้วยความตั้งใจว่าคราวนี้จะกลับ แล้วแน่ ๆ “ถ้างั้นผมขอตัว”
เออ จะว่าไป” มุนาคาตะหยุดเขาไว้อีกครั้ง “เมื่อวานสัตว์ที่มีพลังพิเศษตัวหนึ่งที่เราดูแลอยู่ตีกับแมวที่เดิน เตร่อยู่ในเขตรับผิดชอบของเรา”
“หา...?”
คุซานางิ รู้สึกได้ในทันทีว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างมั่วซั่ว เขาลองคาดเดาแรงจูงใจของมุนาคาตะจากทิศทางที่การสนทนานี้มุ่งไป และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ มุนาคาตะไม่ได้สนใจเลยว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไร เขาเพียงต้องการจะซื้อเวลา
“...เอ่อ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ!” คุซานางิรีบพูดเสียงดัง เพราะถ้าชักช้าก็เสี่ยงต่อการถูกดึงเข้าไปมีเอี่ยวกับอะไรที่ไม่น่าพิศมัย ณ จุดนี้เขาไม่สนใจจะรักษามารยาทอีกต่อไปแล้ว
และก็เป็นไปตาม ความคาดหมาย มุนาคาตะเองก็เริ่มร้อนรน ถึงแม้ว่าท่าที่เขาประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะจะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคิ้วกลับขมวดเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ บ่งบอกถึงความอึดอัดใจ เขารู้สึกได้ว่าถูกคุซานางิจับทางได้จึงตัดสินใจพูดตรง ๆ อย่างไม่สนใจจะรักษาหน้าตาด้วยอีกคน “ถ้าเธอกลับไปตอนนี้ เป็นไปได้อย่างมากว่าชั้นจะโดนยัดเยียดให้รับผิดชอบส่วนของสองคน”
ก่อน การพบกันนี้ มุนาคาตะเจอรองผู้บังคับการของเขามุ่งหน้าไปที่ห้องครัวของสำนักงานอย่างกระ ตือรือล้น คาดว่าเธอคงตั้งใจจะแสดงความเอื้อเฟื้อของเซ็ปเตอร์ 4 กับแขกของมุนาคาตะ เขามั่นใจว่าอีกไม่กี่อึดใจเธอจะมาถึงที่นี่พร้อมกับเอาเจ้าสิ่งนั้นที่เป็นขนมแกล้มน้ำชาแค่ชื่อกองใหญ่มาด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คือบังเอิญวันนี้อิ่มแล้ว ไม่สิ แบบว่า น่าเสียดายจริง ๆ ~”
คุ ซานางิขยับไปข้างหลังโดยไม่ฝืนกลั้นหัวเราะ เขาค่อย ๆ เคลื่อนที่ช้า ๆ แต่มั่นคงไปยังประตู และในจังหวะที่เขาไปถึง... “ขอให้โชคดีในการศึก ราชาสีฟ้า!” คุซานางิทิ้งท้ายและไถลตัวจากไป
คุซานางิกำลัง มุ่งหน้ากลับไปตามทางเดินด้วยฝีเท้าว่องไว และที่ระเบียงทางเดินหนึ่งเขาก็พบกับอาวาชิมะ เซริรองผู้บังคับการของเซ็ปเตอร์ 4 กำลังถือถาดที่ตรงตามความคาดหมายของเขา พูดให้ชัดก็คือ มีสิ่งนั้นกองเป็นภูเขาอยู่จนแทบจะฝังถ้วยชาหรือแม้แต่ไอร้อนจนมิด คุซานางิยกมือขึ้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง “เซริจัง ขอโทษนะ พอดีวันนี้ชั้นกำลังรีบ...”
“แหม เหรอคะ” เธอตอบกลับมาอย่างเรียบเรื่อยพอกันในขณะที่พวกเขาเดินสวนกัน
ใน ตอนนี้คุซานางิรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของการหนีออกมาจากถ้ำ เสือได้อย่างหวุดหวิด ธุระของเขาเสร็จแล้วและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกมาจากห้องผู้ บังคับการก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพียงแต่ว่า... นะโมตัสสะ แม้ว่าจะขัดกับความคิดเห็นและความต้องการของราชา แต่คุซานางิก็รู้สึกว่าอยากจะสวดมนตร์ซักบทสองบท
--o--
มุนาเป็นที่รักของทีมงานจริง ๆ โดนตะหลอด 55555
แอบชอบให้มุนาคาตะกับคุซานางิปะทะคารมกันอยู่นะคะ ในดราม่าซีดีงี้ซัดกันมันหยดติ๋ง ปากร้ายทั้งคู่เลย
ส่วนอาวุธร้ายแรงที่สุดในเรื่องขอยกให้กับอาวุธสุดยอดของเซริจัง ปราบได้แม้แต่ราชา
ปอลิง บางประโยคจะไม่ได้มาจากภาษาอังกฤษนะคะ บางทีนึกคำไม่ออกเลยไปเปิดแบบยุ่นเอา เลยจะต่างกันนิดหน่อย
Renewal procedure by Takahashi Yashichirou
ระเบียบการต่ออายุ โดย ทาคาฮาชิ ยาชิจิโร
English Translation: http://chilly-territory.tumblr.com/post/51579495057/k-guide-book-vol-4-renewal-procedure-by-takahashi
สำนัก งานของผู้บังคับการแห่งเซ็ปเตอร์ 4 ที่คุซานางิ อิซึโมะถูกนำทางไปนั้นยังคงเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดเหมือนเคย ครึ่งหนึ่งดูเหมือนออฟฟิศแบบตะวันตกสมกับเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีกครึ่งกลับเป็นห้องชงชาแบบญี่ปุ่นที่แยกจากอีกส่วนด้วยบังตาไม้ไผ่สี เขียว
“ยอดเยี่ยม เอกสารไม่มีจุดที่ต้องแก้ไขเลย ชั้นขอรับรองการต่ออายุราชอาณาเขตของปีนี้”
ราชา สีฟ้า “มุนาคาตะ เรชิ” ผู้นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะผู้บังคับการในสำนักงานประหลาดตรวจสอบเอกสารแล้วจึง ผงกศีรษะ ถึงแม้ว่าบรรยากาศในห้องจะดูภูมิฐานเป็นทางการตามแบบของราชา แต่ในความเป็นจริงบรรยากาศกลับชวนให้อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าหากแคลนส์แมนสีแดงทุกคนเป็นคนมีเหตุมีผลเหมือนเธอก็คงจะดี”
“ทาง นี้ต่างหากที่ควรจะต้องขอบคุณที่ราชาสีฟ้าผู้มีงานรัดตัวสละเวลามาตรวจ สอบเอกสารให้ด้วยตัวเอง” คุซานางิที่รักษาระยะห่างจากชายอีกคนตอบอย่างไม่แยแสขัดกับบรรยากาศหนักอึ้ง ในห้อง “แต่ที่จริงแค่ให้พนักงานต้อนรับประทับตราให้ก็พอแล้วล่ะ”
“ก็ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการแบบขอไปทีได้” มุนาคาตะยิ้มออกมา ทำให้อากาศในห้องหายใจได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าของมุนาคาตะก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่มากเกินกว่าจะดูผ่อนคลายได้อย่าง แท้จริง แม้แต่เสียงที่นุ่มนวลก็มีความยุ่งยากใจที่ชวนให้คุซานางินึกถึงการสอบปากคำ แฝงอยู่ “มันเป็นข้อตกลงสำคัญระหว่างราชาตามข้อกำหนดที่ 120 ชั้นมั่นใจว่าเธอเองก็เข้าใจถึงความสำคัญของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นช่วยเลิกแดกดันเรื่องนี้ทีเถอะนะ”
ราชาทั้งเจ็ด ที่หลักศิลามอบพลังให้แต่ละคนต่างก็ได้รับสิทธิ์ให้ปกครอง อาณาเขตที่เฉพาะเจาะจง เรียกว่าราชอาณาเขต ในกรณีของราชาสีแดง ราชอาณาเขตของเขาคือบาร์ HOMRA ส่วนราชาสีฟ้าก็มีตึกกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวสาขาที่ 4 ระเบียบกำหนดไว้ว่าราชาจะต้องต่ออายุสิทธิ์การครอบครองราชอาณาเขตทุกปีปีละ ครั้ง
สาเหตุที่คุซานางิอุตส่าห์ลากขาตรงมายังพื้นที่ของเซ็ป เตอร์ 4 ที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของแคลนสีแดงด้วยความตั้งใจของตัวเองก็เพราะการต่อ อายุตามระเบียบการจะต้องทำที่สาขา 4 ของกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวนี้
“มิ ได้ ในฐานะที่เป็นแคลนส์แมน ผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องเคารพและถ่ายทอดความคิดเห็นและความต้องการของ ราชาของผมอย่างเต็มกำลังความสามารถ”
ปกติแล้วแค่การเสแสร้ง เป็นสุภาพเจือการถากถางประชดประชันของคุซานางิก็เพียง พอจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามพูดไม่ออกได้แล้ว แต่มุนาคาตะกลับยังนิ่งเฉย
“หมายความว่าเขาไม่เคยคิดจะมาด้วยตัวเอง ถึงได้ส่งแต่ตัวแทนมาทุกครั้ง อย่างงั้นสินะ”
นายเองก็เหอะ รู้อยู่แก่ใจแล้วยังมาถาม คุซานางิคิดด้วยความสับสน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ราชาสีแดงของเรานอนหลับระหว่างเวลาทำการของฝ่ายต้อนรับของคุณ”
มุนาคาตะหัวเราะเบา ๆ ส่วนหนึ่งเพราะคิดไม่ถึง “เข้าใจล่ะ เป็นข้ออ้างที่ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ”
คุ ซานางิไม่คิดจะร่วมคุยเรื่องจิปาถะซึ่งมีแต่จะทำให้ตัวเองเพลียเอาทีหลัง เขาจึงพยายามหาจังหวะจากไปให้เร็วที่สุด “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็”
“จะว่าไปแล้ว” มุนาคาตะพูดขึ้นเหมือนจะกันไม่ให้คุซานางิจากไป
“ถ้า ไม่เป็นการรบกวน ช่วยชี้แจงหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนและหลังเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ พวกนายจัดการกับองค์กรศัตรูกับคนในนั้น ทางนี้เองถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ช่วยประหยัดเวลากับแรงงานที่จะต้องรวบรวม หลักฐานน่ะนะ”
“อา เรื่องนั้น คือว่า หลังจากคุยกับคนของเราแล้ว...” คุซานางิโดนลากไปตามบทสนทนา แต่เขาไม่สามารถจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นกับมุนาคาตะได้อยู่แล้ว ดังนั้น… “เรื่องนั้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเร็ว ๆ นี้แหละ” เมื่อเลี่ยงคำถามได้แล้วคุซานางิก็หันหลังด้วยความตั้งใจว่าคราวนี้จะกลับ แล้วแน่ ๆ “ถ้างั้นผมขอตัว”
เออ จะว่าไป” มุนาคาตะหยุดเขาไว้อีกครั้ง “เมื่อวานสัตว์ที่มีพลังพิเศษตัวหนึ่งที่เราดูแลอยู่ตีกับแมวที่เดิน เตร่อยู่ในเขตรับผิดชอบของเรา”
“หา...?”
คุซานางิ รู้สึกได้ในทันทีว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างมั่วซั่ว เขาลองคาดเดาแรงจูงใจของมุนาคาตะจากทิศทางที่การสนทนานี้มุ่งไป และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ มุนาคาตะไม่ได้สนใจเลยว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไร เขาเพียงต้องการจะซื้อเวลา
“...เอ่อ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ!” คุซานางิรีบพูดเสียงดัง เพราะถ้าชักช้าก็เสี่ยงต่อการถูกดึงเข้าไปมีเอี่ยวกับอะไรที่ไม่น่าพิศมัย ณ จุดนี้เขาไม่สนใจจะรักษามารยาทอีกต่อไปแล้ว
และก็เป็นไปตาม ความคาดหมาย มุนาคาตะเองก็เริ่มร้อนรน ถึงแม้ว่าท่าที่เขาประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะจะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคิ้วกลับขมวดเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ บ่งบอกถึงความอึดอัดใจ เขารู้สึกได้ว่าถูกคุซานางิจับทางได้จึงตัดสินใจพูดตรง ๆ อย่างไม่สนใจจะรักษาหน้าตาด้วยอีกคน “ถ้าเธอกลับไปตอนนี้ เป็นไปได้อย่างมากว่าชั้นจะโดนยัดเยียดให้รับผิดชอบส่วนของสองคน”
ก่อน การพบกันนี้ มุนาคาตะเจอรองผู้บังคับการของเขามุ่งหน้าไปที่ห้องครัวของสำนักงานอย่างกระ ตือรือล้น คาดว่าเธอคงตั้งใจจะแสดงความเอื้อเฟื้อของเซ็ปเตอร์ 4 กับแขกของมุนาคาตะ เขามั่นใจว่าอีกไม่กี่อึดใจเธอจะมาถึงที่นี่พร้อมกับเอาเจ้าสิ่งนั้นที่เป็นขนมแกล้มน้ำชาแค่ชื่อกองใหญ่มาด้วย
“ฮ่าฮ่าฮ่า คือบังเอิญวันนี้อิ่มแล้ว ไม่สิ แบบว่า น่าเสียดายจริง ๆ ~”
คุ ซานางิขยับไปข้างหลังโดยไม่ฝืนกลั้นหัวเราะ เขาค่อย ๆ เคลื่อนที่ช้า ๆ แต่มั่นคงไปยังประตู และในจังหวะที่เขาไปถึง... “ขอให้โชคดีในการศึก ราชาสีฟ้า!” คุซานางิทิ้งท้ายและไถลตัวจากไป
คุซานางิกำลัง มุ่งหน้ากลับไปตามทางเดินด้วยฝีเท้าว่องไว และที่ระเบียงทางเดินหนึ่งเขาก็พบกับอาวาชิมะ เซริรองผู้บังคับการของเซ็ปเตอร์ 4 กำลังถือถาดที่ตรงตามความคาดหมายของเขา พูดให้ชัดก็คือ มีสิ่งนั้นกองเป็นภูเขาอยู่จนแทบจะฝังถ้วยชาหรือแม้แต่ไอร้อนจนมิด คุซานางิยกมือขึ้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง “เซริจัง ขอโทษนะ พอดีวันนี้ชั้นกำลังรีบ...”
“แหม เหรอคะ” เธอตอบกลับมาอย่างเรียบเรื่อยพอกันในขณะที่พวกเขาเดินสวนกัน
ใน ตอนนี้คุซานางิรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของการหนีออกมาจากถ้ำ เสือได้อย่างหวุดหวิด ธุระของเขาเสร็จแล้วและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกมาจากห้องผู้ บังคับการก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพียงแต่ว่า... นะโมตัสสะ แม้ว่าจะขัดกับความคิดเห็นและความต้องการของราชา แต่คุซานางิก็รู้สึกว่าอยากจะสวดมนตร์ซักบทสองบท
--o--
มุนาเป็นที่รักของทีมงานจริง ๆ โดนตะหลอด 55555
แอบชอบให้มุนาคาตะกับคุซานางิปะทะคารมกันอยู่นะคะ ในดราม่าซีดีงี้ซัดกันมันหยดติ๋ง ปากร้ายทั้งคู่เลย
ส่วนอาวุธร้ายแรงที่สุดในเรื่องขอยกให้กับอาวุธสุดยอดของเซริจัง ปราบได้แม้แต่ราชา
ปอลิง บางประโยคจะไม่ได้มาจากภาษาอังกฤษนะคะ บางทีนึกคำไม่ออกเลยไปเปิดแบบยุ่นเอา เลยจะต่างกันนิดหน่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น