Title: Sekai-ichi Hatsukoi ~ Yokozawa Takafumi no Baai, Short Story
Author/Circle: Nakamura Shungiku, Fujisaki Miyako
Rating: PG
Translated From: September Scanlations [http://september.strawberrywine.org/?p=289, http://september.strawberrywine.org/?p=315]
Translated to Thai: talalan
ตอนนี้: คิริชิมะ โยโกซาว่า และก็ฮิโยะกำลังนั่งดูโฮมวิดีโอกันอยู่
ฮิโยะวุ่นวายอยู่หน้าทีวีได้พักใหญ่แล้ว เธอกำลังดูวิดีโอวันกิจกรรมแข่งกีฬาคราวก่อนที่ถ่ายด้วยกล้องวิดีโอที่คิริชิมะยืมมา
"อ๊ะ ดูสิ!! พี่ชายอยู่ตรงนี้ไงคะ!"
"จ้ะ จ้ะ เห็นแล้ว..." โยโกซาว่าทำหน้าบูดแล้วมองเฉียงไปด้านข้างของจอที่ตัวเขาเองกำลังยืนอยู่ตรง จุดสตาร์ท พอดูตัวเองแบบนี้แล้วก็เห็นชัดเลยว่าเขาอ่อนกว่าพวกคุณพ่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ส่วนใหญ่ไปเป็นสิบ ๆ ปี และความจริงที่ตอนนั้นเขาเอาจริงแบบไม่เข้ากับนิสัยก็ยิ่งทำให้น่าอายเข้าไป ใหญ่
"พี่ชาย~! สู้เค้า~!!"
"สู้เค้าอะไรกันล่ะ หนูรู้อยู่แล้วนี่ว่าผลออกมาเป็นยังไง!"
"แหม ช่างเถอะค่ะ เชียร์ไปก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย! อ๊ะ พี่ชายหน้าแดงอยู่รึเปล่าคะ??"
"เปล่า นี่" แน่นอนว่าเขาไม่ได้หน้าแดง เขาเพียงแต่ทนสถานการณ์นี้ไม่ได้เท่านั้นเอง เหตุผลแรกเริ่มที่โยโกซาว่าเข้าร่วมในการแข่งวิบากของผู้ปกครองนี่ก็เป็น เพราะคิริชิมะติดงานบางอย่างแล้วปลีกตัวมาไม่ได้เอาตอนนาทีสุดท้าย ถึงฮิโยริจะไม่ปริปากบ่นที่พ่อของเธอบอกว่ามาร่วมกิจกรรมแข่งกีฬาที่ โรงเรียนไม่ได้ แต่เธอก็ดีใจเอามาก ๆ ตอนที่ได้รู้ว่าโยโกซาว่าจะมาแทน
ใน เมื่อเสนอตัวเข้าร่วมแล้ว โยโกซาว่าก็สาบานกับตัวเองว่ายังไงก็จะไม่ยอมขายขี้หน้าชาวบ้านเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้โยโกซาว่าจึงซ้อมวิ่งทุกเช้าแถมด้วยฝึกกล้ามเนื้ออีกนิดหน่อยลับ หลังคิริชิมะกับฮิโยริเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนั้น
สุดท้ายแล้วมื้อ เที่ยงของคิริชิมะกับนักเขียนที่รับผิดชอบก็เสร็จทันเวลาการแข่งตอนบ่าย แต่จะให้วิ่งก็คงไม่ไหวเพราะคิริชิมะยังอยู่ในชุดสูทกับรองเท้าทำงาน โยโกซาว่าก็เลยยังต้องเป็นคนแข่งอยู่ดี
พอเสียงปืนดัง โยโกซาว่าก็พุ่งออกไปทันที เขาจัดการสิ่งกีดขวางไปทีละอย่างและเป็นคนแรกที่ไปถึงโต๊ะตัวเล็กที่มีการ์ด หลายแผ่นคว่ำอยู่ได้ง่าย ๆ และโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาก็หยิบการ์ดที่อยู่ใกล้เท้าตัวเองมากที่สุดขึ้นมา แล้วหันไปทางหนึ่งโดยอัตโนมัติ แต่แล้วอึดใจเดียวหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตัว เปลี่ยนทิศทางไปทางตรงข้ามแล้วออกวิ่งอีกครั้ง
“กรี๊ด!! พี่ชายเท่ที่สุด!”
ตอน นี้โยโกซาว่ากำลังออกวิ่งไปทางฮิโยริที่นั่งอยู่กับเด็กป. 5 คนอื่น ๆ เขาโน้มตัวลงอุ้มฮิโยริขึ้นมาจากที่นั่งแถวหน้า แล้วออกวิ่งอีกครั้งไปทางตำแหน่งที่ครูที่ทำหน้าที่กรรมการประจำอยู่ หลังจากให้ปั๊มการ์ดว่าทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมาย เข้าเส้นชัยไปโดยทิ้งคู่แข่งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ฮิโยริที่ทำตาโตด้วยความ
ตกใจตอนโยโกซาว่าช้อนตัวเธอขึ้นมายิ้มแฉ่ง ตื่นเต้นดีใจที่โยโกซาว่าเอาที่หนึ่งมาครองได้สำเร็จ
“พี่ชายยอดไปเลยค่ะ! แต่ตอนที่มาอุ้มหนูตกใจจริง ๆ นะ!”
“มันไม่มีทางเลือกเลยต้องพาหนูไปด้วยน่ะ!”
“อะแหะ ค่ะ! เพื่อนหนูอิจฉากันหมดเลยด้วย! ทุกคนบอกว่าหนูเหมือนเจ้าหญิงเลย!”
ใน ตอนที่โยโกซาว่าปล่อยให้ตัวเองโล่งใจที่เขาหลุดออกจากหน้าจอไปนั้นเอง คิริชิมะกลับแทรกขึ้นมาด้วยคำถามที่ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็ไม่อยากจะตอบเอา ซะเลย: "จะว่าไปแล้ว ในการ์ดนั่นเขียนว่าอะไรเหรอ?"
“…ความลับ”
“หา? ไม่เห็นจะเป็นไรเลย บอกมาเถอะน่า! นี่ ฮิโยะ การ์ดนั่นมันเขียนว่าอะไร?”
“บอกป๊ะป๋าไม่ได้หรอก! มันเป็นความลับระหว่างหนูกับพี่ชาย~! แล้วก็ พรุ่งนี้หนูมีนัดกับยูกิจัง ไปนอนล่ะค่ะ ฝันดี!”
“อะไรเล่า บอกหน่อยสิ! เล่นอะไรกันเนี่ยสองคนนี้?”
“ฮิ โยะก็บอกแล้วนี่ว่าเป็นความลับ บอกไม่ได้หรอก” โยโกซาว่าปั้นหน้านิ่งแบบถือไพ่เหนือกว่า แต่เบื้องหลังเหงื่อเย็น ๆ กลับไหลออกมา ความตึงเครียดถึงขีดสุด
การ์ดนั้นเขียนไว้ว่า คนสำคัญที่สุดของคุณ
โย โกซาว่าคิดว่าที่ใช้คำพูดแบบนั้นคงตั้งใจจะให้พ่อแม่ที่หยิบขึ้นมาได้วิ่งไป อุ้มลูกนั่นเอง แต่ตอนที่โยโกซาว่าเห็นคำนั้น เขากลับมองหาคิริชิมะที่อยู่ในกลุ่มคนไปโดยไม่รู้ตัว
“ตอนหยิบการ์ดขึ้นมา นายมองมาทางฉันแว่บนึงไม่ใช่เหรอ?”
“ปะ เปล่าซะหน่อย ผมมองหาฮิโยะต่างหาก”
“ก็นะ ถึงจะมองที่นั่งผู้ปกครองไปก็หาฮิโยะไม่เจอหรอก”
“ผม รู้แล้วล่ะน่า! ก็แค่พลาดไปเท่านั้นแหละ” ให้ตายเขาก็ไม่ยอมให้คิริชิมะรู้ว่าคนแรกที่เขาคิดถึงหลังจากอ่านคำว่า คนสำคัญที่สุด คือคิริชิมะ ขณะที่โยโกซาว่ายังละล้าละลัง คิริชิมะก็ยังสอบสวนต่อแบบไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยแม้แต่นิด
“หรือว่าจะเป็นเพราะนายไม่อยากให้ฉันรู้ว่ามีอะไรเขียนอยู่ที่การ์ด?”
“ไม่ ใช่ ก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร! อย่ามาหงุดหงิดเพราะเรื่องแบบนี้น่ะ อ๊ะ ฮิโยะ เกือบถึงเวลานอนแล้วนะ อย่าคิดว่าเป็นวันหยุดแล้วจะอยู่ดึกได้เชียว ไปแปรงฟันได้แล้ว”
“แปรงแล้วค่ะ! โซระจาง ไปนอนกันเถอะ!”
พอ ได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเอง โซราตะที่ขดตัวอยู่บนโซฟาก็ยกหัวขึ้น กระโดดลงจากโซฟาแล้วตามไปที่ห้องของฮิโยริ ทั้งคู่สนิทกันขึ้นมากแล้วก็ทำตัวเหมือนกับเป็นเพื่อนกันมานานแสนนาน
เห็น โยโกซาว่ามองส่งทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วคิริชิมะก็โพล่ง ขึ้นมาเบา ๆ “เมื่อกี้นี้นายพยายามเปลี่ยนเรื่องล่ะสิ ฉันว่าที่นายโยกโย้อยู่นี่มันออกจะน่าสงสัยอยู่นะ…”
โยโกซาว่าสะดุ้งที่คิริชิมะเดาถูกเผง “จะมาหมกมุ่นกับไอ้การ์ดบ้านั่นทำไมกันเล่า มันก็แค่มุกวันงานกีฬาของโรงเรียนประถม...”
“เพราะเรดาร์ฉันมันทำงานแล้วน่ะสิ”
“หา? หมายความว่ายังไง? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
โย โกซาว่าขยับตัวออกห่างจากคิริชิมะ เขาทำท่าเหมือนกับจะหยิบกระป๋องเบียร์เปล่าแต่กลับพบว่าแขนสองข้างถูกตรึง ไว้กับแผ่นหลัง “คิดจะหนีเหรอ?”
“เปล่า...ซะหน่อย! แค่จะหยิบเบียร์เอง…!”
“สารภาพมา”
“ไม่มีทาง”
“ถ้าไม่ยอมบอก ก็เห็นทีจะต้องจูบจนกว่าจะสารภาพล่ะนะ”
“คำ ขู่โลกไหนเค้า...” พอหมุนตัวกลับมาด้วยความตะลึงที่เมื่อกี้พวกเขาฟังดูเหมือนคู่รักหวานชื่นซะ ไม่มี แป๊บเดียวโยโกซาว่าก็พบว่าริมฝีปากเขาถูกยึดครองตามที่คิริชิมะลั่นปากไว้ จูบนั้นทำเอาเขาลืมหายใจเพราะริมฝีปากแทบจะเรียกได้ว่าถูกกระทำมิดีมิร้าย "ทำ..อะไรของคุณน่ะ?"
"ก็แค่สันนิษฐานว่าการที่นายไม่ยอมสารภาพเป็นการบอกว่าอยากให้จูบ"
“อย่ามาสรุปเอาเองนะ!”
“ไม่ชอบรึไง?”
“นี่ มันไม่ใช่อะไรที่จะมาทำในที่โล่งแจ้งได้นะ” ถ้าพวกเขาอยู่ในห้องนอนของคิริชิมะก็ว่าไปอย่าง แต่ห้องนี้คือห้องนั่งเล่นที่พวกเขาทานข้าวและก็เล่นกับฮิโยริ เขาไม่ต้องการจะเอาอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องในชีวิตประจำวันตามปกติมาผูกกับ ห้องนี้
“ไม่เป็นไรน่า~ ฮิโยริเป็นคนนอนเร็ว”
“เป็นสิ เรื่องแบบนี้ต้องทำให้ชัดเจนเอาไว้ บางทีคืนนี้อาจจะไม่เป็นไร แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นรึเปล่า”
“พอเป็นเรื่องทำนองนี้แล้วนายนี่มันหัวแข็งจริง ๆ แต่ก็ต้องขอบอกว่าฉันรักตรงส่วนนี้ของนายล่ะนะ”
“………”
ขณะที่โยโกซาว่าใคร่ครวญว่าควรจะถอยห่างจากริมฝีปากที่ขยับใกล้เข้ามาอีกครั้งหรือไม่ เสียงของฮิโยริก็ลอยมา: "ป๊ะป๋า!"
“……….?!” จังหวะที่ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันโยโกซาว่าก็รีบฉีกตัวออกห่างจากคิริชิมะ โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาเกือบจะนั่งอยู่บนพื้นแล้วจึงมีโซฟาบังสายตาให้อยู่ ฮิโยริจึงไม่มีทางที่จะมองเห็นพวกเขาได้เลย
คิริชิมะปั้นหน้าสงบ เยือกเย็นตรงกันข้ามกับโยโกซาว่าที่กำลังพยายามไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนหลุดออก มาทางปากแบบหน้ามือเป็นหลังมือ “มีอะไรเหรอ?”
ฮิโยริบิดไปมาแล้วเข้า มาหาคิริชิมะที่ค่อย ๆ เปลี่ยนท่ากลับไปนั่งบนโซฟาดี ๆ “เอ่อ ป๊ะป๋าว่า...จะเอารูปยูกิจังออกมาจากวิดีโอที่ถ่ายมาได้มั้ยคะ…?”
“ได้สิ พรุ่งนี้ให้ยูกิจังโทรมาบอกสิว่าจะให้เอารูปตอนไหน ป๊ะป๋าจะสอนวิธีใช้โปรแกรมกล้องให้นะ”
“เย้! ขอบคุณค่ะ ป๊ะป๋า! งั้นหนูจะส่งแมสเสจบอกยูกิจังนะ! ฝันดีค่ะทั้งสองคน!” พอหมดกังวลแล้วฮิโยริก็ส่งยิ้มสว่างไสวให้ทั้งสองคนแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง
โย โกซาว่าผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ ๆ ก็ถูกขัดจังหวะแล้วรู้สึกได้ว่าความตึงเครียดไหลออกจากร่างกาย เขารู้สึกเหมือนกับอายุสั้นลงไปซักสิบปีเพราะห้านาทีที่ผ่านมา
“เฮ้อ เกือบไป~”
โย โกซาว่าถลึงตาใส่คิริชิมะที่ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับไม่ได้ดูเป็นกังวลเลยแม้ แต่นิด "เกือบไปบ้าน่ะสิ ถึงได้บอกไงว่าอย่ามาทำเรื่องพรรค์นั้นแถวนี้" เขาโวยด้วยเสียงที่เบาลงมาหน่อยเพื่อไม่ให้ฮิโยริได้ยิน
ได้ยินแล้ว คิริชิมะก็โน้มตัวลงให้ใบหน้าลงมาใกล้กับโยโกซาว่ามากขึ้น เขาบอกด้วยเสียงที่เกือบจะเป็นกระซิบว่า "แต่นายก็เล่นด้วยเต็มที่เลยนี่"
“ใคร ไม่ทราบ…!” ภาพที่โยโกซาว่าเห็นมัวไปชั่วขณะหนึ่งที่เขายอมรับกับตัวเองว่าข้อกล่าวหา นั้นก็...ไม่ได้เหลวไหลซะทีเดียว ถ้าไม่ต้องการจริง ๆ เขาจะปฏิเสธให้รุนแรงกว่านี้มาก ๆ ก็ยังได้
"...งั้น เรามาต่อกันดีมั้ย?"
"ฝันไปเหอะ!" โยโกซาว่าตะคอกด้วยเสียงเฉียบขาดแล้วปัดมือที่คิริชิมะวางบนไหล่ทิ้งไป
--o--
ตอนนี้: สองวันหลังจากเรื่องคราวที่แล้ว โยโกซาว่าพบว่าตัวเองโดนคิริชิมะหลบหน้าโดยไม่รู้สาเหตุ...
“ถ้าอย่างงั้นก็ขอจบการประชุมเรื่องจำนวนพิมพ์ของเดือนนี้ไว้เท่านี้ ขอบคุณมากครับ เดือนหน้าพบกันใหม่”เมื่อโยโกซาว่าปิดการประชุมทุกคนที่เข้าร่วมก็พากันลุกออกจากที่นั่ง ปรากฏว่าการประชุมวันนี้ราบรื่นกว่าปกติ มันจบลงโดยมีปัญหากับประเด็นให้ถกไม่มากนักเมื่อลดสายตาลงมองนาฬิกาโยโกซา ว่าก็พบว่าการประชุมจบลงเร็วเป็นพิเศษ ถ้าเป็นแบบนี้ก็มั่นใจได้ว่าจะมีโอกาส “คุยกัน” เขาเหลือบตามองไปทางคิริชิมะที่นั่งเฉียงไปทางตรงกันข้าม “…!”
ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วคิริชิมะจะเป็นคนที่มองตาเขาก่อนแล้วจ้องจนโยโกซาว่าอึดอัดจนต้องหันหน้าหนี แต่คราวนี้คิริชิมะกลับเป็นคนที่หลบตาก่อน แถมยังรีบพุ่งออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้าปั้นยากพิกล “…บ้าเอ๊ย เผ่นไปซะได้”
“ว่าไงนะครับ?” เฮ็นมิที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองมาด้วยใบหน้าสงสัยเมื่อได้ยินเสียงสบถพึมพำของโยโกซาว่า
“แค่พูดคนเดียวน่ะ นายจัดการที่เหลือต่อเองได้รึเปล่า?”
“ก็ได้อยู่ครับ แต่-โยโกซาว่าซังจะไปไหนเหรอ?”
“ฮื่อ โทษที เอาเอกสารพวกนี้ไปแล้วกลับไปก่อนนะ”
พอแก้ตัวแบบคลุมเครือเสร็จ เขาก็เข้าที่ ระวัง
เตรียมพร้อมแล้วออกไล่ตามคิริชิมะไป “เป็นบ้าอะไรของเค้านะ...”คิริชิมะทำตัวแปลก ๆ มาตั้งแต่เช้า เขาเหล่มองมาทางโยโกซาว่าทุกครั้งที่มีโอกาส แต่กลับไม่เข้ามาหาหรือมากวนใจโยโกซาว่าตรง ๆ เลยซักครั้ง โยโกซาว่ากะไว้ว่าพอประชุมเสร็จจะได้มีโอกาสคุยกันซะที แต่เจ้าตัวคิริชิมะก็ฉากหลบไปอีกจนได้
หลังจากเดินพลางหลบเพื่อนร่วมงานบนทางเดินไปพลาง โยโกซาว่าก็ตามคิริชิมะทันจนได้ เขายืนอยู่คนเดียวที่หน้าลิฟท์
“เฮ้!”
คิริชิมะหันมาตามเสียง แต่รอยยิ้มตามปกติของเขากลับไม่ปรากฏให้เห็น
“หือ? ว่าไง?” ทั้งหมดทั้งปวงนี่ดูแล้วทำให้วุ่นวายใจไม่น้อยเลย
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “งั้น-เอาไว้ก่อนได้มั้ย ตอนนี้ชั้นมีเรื่องต้องทำ”
โยโกซาว่าเห็นคิริชิมะจงใจมองลงไปที่นาฬิกาแล้วก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์พุ่ง ปรี๊ด “เราประชุมเสร็จเร็วกว่ากำหนดนะ ยังไงคุณก็ต้องมีเวลาว่างอย่างต่ำสิบนาที” “ชั้นเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำน่ะ เพราะงั้น...”
“หือ? ว่าไง?” ทั้งหมดทั้งปวงนี่ดูแล้วทำให้วุ่นวายใจไม่น้อยเลย
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” “งั้น-เอาไว้ก่อนได้มั้ย ตอนนี้ชั้นมีเรื่องต้องทำ”
โยโกซาว่าเห็นคิริชิมะจงใจมองลงไปที่นาฬิกาแล้วก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์พุ่ง ปรี๊ด “เราประชุมเสร็จเร็วกว่ากำหนดนะ ยังไงคุณก็ต้องมีเวลาว่างอย่างต่ำสิบนาที” “ชั้นเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำน่ะ เพราะงั้น...”
“เชื่อก็บ้าแล้ว มานี่”
และก่อนที่ใครจะทันได้ห้ามเขาก็ผลักคิริชิมะเข้าไปในห้องประชุมที่ใกล้ที่
สุดที่ว่างอยู่
พอปิดประตูเรียบร้อยโยโกซาว่าก็จัดการเอาตัวขวางประตูไว้ไม่ให้คิริชิมะมี
ช่องทางหนีได้
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย? จะบังคับกันเกินไปแล้ว”
โยโกซาว่าได้รู้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่คิริชิมะรู้สึกว่าตัวเองจนมุม เขามักจะเลื่อนสายตามองไปด้านบนเฉียงไปด้านข้าง...แปลได้ว่าคิริชิมะปิดบัง อะไรอยู่ เห็นแบบนี้แล้วโยโกซาว่าก็รุกต่อ “แล้วมันเป็นยังไงล่ะ?” “ก็แค่...เอาเป็นว่าไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องกังวลหรอกน่ะ พูดตามตรงแล้วนี่มันเป็นปัญหาที่ตัวชั้นเอง...”
“แล้วทำไมคุณจะต้องหลบหน้าผมเพราะปัญหาของคุณเองไม่ทราบ?”
“นั่นมันคำพูดของผมต่างหาก! คุณหลบหน้าผมมาทั้งเช้าแล้วนะ...ผมไปทำอะไรให้คุณรึไง?”
จริง ๆ แล้วเรื่องนี้แหละที่โยโกซาว่ากังวลอยู่
เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเองเป็นพวกที่ชอบพูดจาห้วน ๆ
และอาจจะทำร้ายความรู้สึกคนอื่นโดยไม่รู้ตัวเอาได้ง่าย ๆ
ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเผลอพูดอะไรร้าย ๆ ออกไปโดยไม่ทันคิด
“ชั้น...เปล่า คือ...มันไม่ใช่อย่างงั้น...” ขณะที่โดนโยโกซาว่าจ้อง
สีหน้าลำบากใจแบบก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของคิริชิมะ
จากนั้นเขาก็เสมองไปทางอื่นโยโกซาว่าได้รู้แล้วว่าเมื่อไหร่ที่คิริชิมะรู้สึกว่าตัวเองจนมุม เขามักจะเลื่อนสายตามองไปด้านบนเฉียงไปด้านข้าง...แปลได้ว่าคิริชิมะปิดบัง อะไรอยู่ เห็นแบบนี้แล้วโยโกซาว่าก็รุกต่อ “แล้วมันเป็นยังไงล่ะ?” “ก็แค่...เอาเป็นว่าไม่ใช่เรื่องที่นายจะต้องกังวลหรอกน่ะ พูดตามตรงแล้วนี่มันเป็นปัญหาที่ตัวชั้นเอง...”
“แล้วทำไมคุณจะต้องหลบหน้าผมเพราะปัญหาของคุณเองไม่ทราบ?”
“ตอนนี้ชั้นก็...อธิบายไม่ถูกน่ะ”
โยโกซาว่าเริ่มจะเหนื่อยกับคำแก้ตัวแบบเอาสีข้างเข้าถูของคิริชิมะขึ้นมา
จริง ๆ ถ้าเขาทำอะไรผิดไป เขาก็อยากจะให้พูดออกมาตรง ๆ มากกว่า
“ปกติคุณเป็นอัจฉริยะด้านการเอาเรื่องงี่เง่ามาพูดเฉไฉไปมาไม่ใช่รึไง?”
“…ผมยังไม่รู้ว่าคุณขอโทษเรื่องอะไรเลยนะ”
“คือ...ไอ้การ์ดจากงานแข่งกีฬานั่นน่ะ” ในที่สุดเขาก็อุบอิบออกมา แต่หมดปัญญาจะอธิบายมากกว่านั้น
“การ์ดเหรอ...?”
“ก็อันจากตอนที่นายวิ่งแข่งแทนชั้นไง”
“วิ่งแข่งอะไรของคุณ...อ๊ะ!” ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าไอ้การขอโทษทั้งหมดนี่มันมีที่มาที่ไปยังไงจนได้ ตอนวันแข่งกีฬาของฮิโยริ โยโกซาว่าลงแข่งวิ่งหาของในตำแหน่งผู้ปกครองแทนคิริชิมะ ดูเหมือนคิริชิมะจะไปเห็นสิ่งที่เขียนไว้บนการ์ดที่โยโกซาว่าจับได้ตอนแข่ง ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง โยโกซาว่ากับฮิโยริกะว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกเขาสองคน และไม่ยอมบอกคิริชิมะว่ามีอะไรเขียนอยู่บนการ์ด แต่แล้ว...
“มันบังเอิญตกลงมาจากชั้นหนังสือตอนชั้นเอาผ้าที่ซักแล้วไปเก็บในห้องฮิโยริน่ะ พอชั้นเก็บขึ้นมาแล้วถึงได้รู้ว่ามันคือไอ้การ์ดนั่น” ที่คิริชิมะพูดพล่ามเหมือนคนร้ายสารภาพความผิดที่ตัวเองก็ไม่ได้ถูกกล่าวหา นี่อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดล้วน ๆ “แบบว่า...ชั้นคิดจริง ๆ นะว่ามันเป็นคำว่า ครอบครัว หรืออะไรไม่รู้ล่ะ! ...ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคำนั้น...”
“……….”
การที่คิริชิมะพูดอ้อมโลกแบบนี้แปลได้ว่า...เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาเป็นคนแรกที่โยโกซาว่ามองหาตอนเห็นคำที่อยู่บนการ์ด คนสำคัญที่สุด ขนาดนึกย้อนกลับไปตอนนี้ยังรู้สึกได้ว่าเรื่องที่เขาทำไปแบบไม่ได้คิดนั่นมันน่าอายสุด ๆ
โยโกซาว่าอ้าปากจะโต้กลับก่อนที่คิริชิมะจะล้อเรื่องการ์ด แต่พอเงยหน้ามองเขาก็รู้สึกตัวว่าคิริชิมะกำลังหน้าแดงอยู่ โยโกซาว่ายกมือขึ้นสางผมด้วยความพยายามที่จะทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดแล้วพูดว่า “โธ่เอ๊ย ทำหน้าแดงอะไรของคุณน่ะ?”
“เปล่า ชั้นแค่...ตอนนี้...ชั้นยังมองหน้านายตรง ๆ ไม่ได้น่ะ”
“หา?”
“มันช่วยไม่ได้นี่! ชั้นไม่เคยคิดเลยว่านายจะคิดแบบนั้น…”
“พูดอะไรของคุณ...” พอเห็นคิริชิมะมีปฏิกิริยากับเรื่องทั้งหมดนี่ขนาดนี้แล้วหน้าของโยโกซาว่า เองก็พลอยค่อย ๆ ร้อนขึ้นตามไปด้วย ดูเหมือนการที่คิริชิมะเขินแบบไม่สมกับเป็นตัวเขาเองจะทำให้คิริชิมะมองหน้า โยโกซาว่าไม่ติด
ถ้าเป็นไปตามปกติแล้ว พอถึงจุดนี้โยโกซาว่าก็จะปัดฉับด้วยประโยค “พูดพล่ามเรื่องบ้าอะไรไม่สมกับเป็นคุณเลยซักนิด” แต่ความเขินของคิริชิมะอาจจะแพร่เชื้อได้ เพราะเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้เลย
เมื่อไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งสองคนจึงพร้อมใจกันเงียบแล้วเอาแต่มองเท้าตัวเอง... แต่แล้วกลายเป็นว่าคนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างพวกเขาสองคนคือ ผู้บุกรุกที่ไม่รู้จักดูบรรยากาศ
“อ๊ะ มาอยู่นี่เอง โยโกซาว่าซัง!”
“เฮ...เฮ็นมิ...”
ดูเหมือนเฮ็นมิจะไม่ทันสังเกตุเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ที่ปกคลุมห้องประชุมอยู่ เขาพล่ามต่อแบบไม่สนใจคนอื่น “ผมตามหาทั่วไปหมดเลยนะครับ! ผมจะถามว่า...เอ๋? นี่ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ หน้าแดงกันทั้งคู่เลย เครื่องทำความร้อนเสียรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ เฮ็นมิ!”
“เอ๋? ด...เดี๋ยวก่อนสิครับ! คนที่มาตามคือผมต่างหากล่ะ!”
คราวนี้เป็นตาของโยโกซาว่าที่จะม้วนหางวิ่งหนีบ้าง เขารีบหลบออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าหัวใจที่เต้นรัวของเขาจะยังไม่สงบลงในเวลาอันใกล้นี้
-จบ-
ตอนนี้เริ่มเรียนปริญญาโทแล้วแถมโปรเจ็คที่ทำบ้าบอคอแตกไปช่วงน้ำท่วมก็ ถึงกำหนดส่งเลยวุ่นวายไปหมดเลยค่ะ ที่จริงเวลาที่เอามาแปลนี่ก็ควรจะเอาไปทำงานนะ แต่อยากจะเวิ่นเว้อบ้างอะไรบ้าง จะได้หายเฉา
เวิ่นเสร็จแล้วก็ขอลาไปทำงานต่อล่ะค่ะ
เจอกันใหม่เอ็นทรี่หน้า
“เฮ้ย...อย่าเรียกว่าเฉไฉสิ
ต้องบอกว่าเป็นการให้ความคิดเห็นอย่างกระตือรือล้นต่างหาก
แล้วยังไงมันก็ไม่มีอะไรจริง ๆ แต่ชั้นขอบอกก่อนนะว่าชั้นไม่ได้ตั้งใจ
แค่...บังเอิญไปเห็นเข้าแค่นั้นเอง”
คิริชิมะยังคงเบี่ยงประเด็นไปมาไม่ยอมเข้าเรื่องและเอาแต่แก้ตัวท่าเดียว
ในที่สุดโยโกซาว่าก็หมดความอดทน เขาขึ้นเสียงแล้วพูดว่า “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็รีบ ๆ พูดออกมาซะ!”
“ขอโทษ! ชั้นไม่ได้ตั้งใจจะดูจริง ๆ !” อยู่ ๆ
คิริชิมะก็พนมมือเข้าหากันเป็นท่าที่มองยังไงก็ขอโทษอยู่
แต่...แค่ขอโทษไม่ได้ช่วยให้เข้าใจสาเหตุเลยแม้แต่นิด“…ผมยังไม่รู้ว่าคุณขอโทษเรื่องอะไรเลยนะ”
“คือ...ไอ้การ์ดจากงานแข่งกีฬานั่นน่ะ” ในที่สุดเขาก็อุบอิบออกมา แต่หมดปัญญาจะอธิบายมากกว่านั้น
“การ์ดเหรอ...?”
“ก็อันจากตอนที่นายวิ่งแข่งแทนชั้นไง”
“วิ่งแข่งอะไรของคุณ...อ๊ะ!” ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าไอ้การขอโทษทั้งหมดนี่มันมีที่มาที่ไปยังไงจนได้ ตอนวันแข่งกีฬาของฮิโยริ โยโกซาว่าลงแข่งวิ่งหาของในตำแหน่งผู้ปกครองแทนคิริชิมะ ดูเหมือนคิริชิมะจะไปเห็นสิ่งที่เขียนไว้บนการ์ดที่โยโกซาว่าจับได้ตอนแข่ง ด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง โยโกซาว่ากับฮิโยริกะว่าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกเขาสองคน และไม่ยอมบอกคิริชิมะว่ามีอะไรเขียนอยู่บนการ์ด แต่แล้ว...
“มันบังเอิญตกลงมาจากชั้นหนังสือตอนชั้นเอาผ้าที่ซักแล้วไปเก็บในห้องฮิโยริน่ะ พอชั้นเก็บขึ้นมาแล้วถึงได้รู้ว่ามันคือไอ้การ์ดนั่น” ที่คิริชิมะพูดพล่ามเหมือนคนร้ายสารภาพความผิดที่ตัวเองก็ไม่ได้ถูกกล่าวหา นี่อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดล้วน ๆ “แบบว่า...ชั้นคิดจริง ๆ นะว่ามันเป็นคำว่า ครอบครัว หรืออะไรไม่รู้ล่ะ! ...ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคำนั้น...”
“……….”
การที่คิริชิมะพูดอ้อมโลกแบบนี้แปลได้ว่า...เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาเป็นคนแรกที่โยโกซาว่ามองหาตอนเห็นคำที่อยู่บนการ์ด คนสำคัญที่สุด ขนาดนึกย้อนกลับไปตอนนี้ยังรู้สึกได้ว่าเรื่องที่เขาทำไปแบบไม่ได้คิดนั่นมันน่าอายสุด ๆ
โยโกซาว่าอ้าปากจะโต้กลับก่อนที่คิริชิมะจะล้อเรื่องการ์ด แต่พอเงยหน้ามองเขาก็รู้สึกตัวว่าคิริชิมะกำลังหน้าแดงอยู่ โยโกซาว่ายกมือขึ้นสางผมด้วยความพยายามที่จะทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดแล้วพูดว่า “โธ่เอ๊ย ทำหน้าแดงอะไรของคุณน่ะ?”
“เปล่า ชั้นแค่...ตอนนี้...ชั้นยังมองหน้านายตรง ๆ ไม่ได้น่ะ”
“หา?”
“มันช่วยไม่ได้นี่! ชั้นไม่เคยคิดเลยว่านายจะคิดแบบนั้น…”
“พูดอะไรของคุณ...” พอเห็นคิริชิมะมีปฏิกิริยากับเรื่องทั้งหมดนี่ขนาดนี้แล้วหน้าของโยโกซาว่า เองก็พลอยค่อย ๆ ร้อนขึ้นตามไปด้วย ดูเหมือนการที่คิริชิมะเขินแบบไม่สมกับเป็นตัวเขาเองจะทำให้คิริชิมะมองหน้า โยโกซาว่าไม่ติด
ถ้าเป็นไปตามปกติแล้ว พอถึงจุดนี้โยโกซาว่าก็จะปัดฉับด้วยประโยค “พูดพล่ามเรื่องบ้าอะไรไม่สมกับเป็นคุณเลยซักนิด” แต่ความเขินของคิริชิมะอาจจะแพร่เชื้อได้ เพราะเขาพบว่าตัวเองไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้เลย
เมื่อไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งสองคนจึงพร้อมใจกันเงียบแล้วเอาแต่มองเท้าตัวเอง... แต่แล้วกลายเป็นว่าคนที่เข้ามาทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดระหว่างพวกเขาสองคนคือ ผู้บุกรุกที่ไม่รู้จักดูบรรยากาศ
“อ๊ะ มาอยู่นี่เอง โยโกซาว่าซัง!”
“เฮ...เฮ็นมิ...”
ดูเหมือนเฮ็นมิจะไม่ทันสังเกตุเห็นบรรยากาศแปลก ๆ ที่ปกคลุมห้องประชุมอยู่ เขาพล่ามต่อแบบไม่สนใจคนอื่น “ผมตามหาทั่วไปหมดเลยนะครับ! ผมจะถามว่า...เอ๋? นี่ทำอะไรกันอยู่เหรอครับ หน้าแดงกันทั้งคู่เลย เครื่องทำความร้อนเสียรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ เฮ็นมิ!”
“เอ๋? ด...เดี๋ยวก่อนสิครับ! คนที่มาตามคือผมต่างหากล่ะ!”
คราวนี้เป็นตาของโยโกซาว่าที่จะม้วนหางวิ่งหนีบ้าง เขารีบหลบออกไปจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
ดูเหมือนว่าหัวใจที่เต้นรัวของเขาจะยังไม่สงบลงในเวลาอันใกล้นี้
-จบ-
โยโกเนี่ยเวลาโผล่ในเนื้อเรื่องหลักแล้วเราหมั่นไส้มาก
ไอ้ผู้ชายจิกกัด แต่พอเป็นนิยายแล้วใจละลายย้วยเลย โยโกน่ารักมาก คุณแม่มาก
กลายเป็นคู่ที่ชอบที่สุดในเสะไกไปแล้ว
แต่เวลาโผล่มาในอนิเมก็อดหมั่นไส้ไม่ได้น่ะนะ 555
เห็นว่าตอนจบจะออกเดือนหน้า แฟนเกิร์ลทั้งหลาย มารอเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ขอให้มี Short Story ออกมาอีกเยอะ ๆ กันเถอะนะคะ ^o^
เห็นว่าตอนจบจะออกเดือนหน้า แฟนเกิร์ลทั้งหลาย มารอเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ขอให้มี Short Story ออกมาอีกเยอะ ๆ กันเถอะนะคะ ^o^
ตอนนี้เริ่มเรียนปริญญาโทแล้วแถมโปรเจ็คที่ทำบ้าบอคอแตกไปช่วงน้ำท่วมก็ ถึงกำหนดส่งเลยวุ่นวายไปหมดเลยค่ะ ที่จริงเวลาที่เอามาแปลนี่ก็ควรจะเอาไปทำงานนะ แต่อยากจะเวิ่นเว้อบ้างอะไรบ้าง จะได้หายเฉา
เวิ่นเสร็จแล้วก็ขอลาไปทำงานต่อล่ะค่ะ
เจอกันใหม่เอ็นทรี่หน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น