วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[Translation] Example from Drama CD that will come out with Utapri Music 2 Game

The game “Utapri Music 2” will come out on 5 Sep but they already updated info. about the extras from each shop.
HMV/ONLINE エルパカ will give away “TOP Secret!!! -Idol’s Secret-
Reiji&Otoya&Tokiya Side B” and this is the summary.
TOP Secret!!! -Idol’s Secret-
Reiji&Otoya&Tokiya Side B

Summary

Before the variety program’s recording, 3 people ended up at the same dressing room at TV station.

Reiji started talking about “a certain rumour” he heard concerning Otoya.

While getting excited by the topic of the rumor, in between the stream of conversation, they gradually talked about the certain unexpected side of each other…

"That’s right. Tokiya has an ear-fetish.

"What are you talking about? Please refrain from talking about baseless rumour."

"Oops, a surprising word came out~."

Girls are prohibited to enter!?
The dressing room of secret is starting!

เกม Utapri Music 2 จะออกวันที่ 5 ก.ย. แต่มีรายการของแถมออกมาแล้วค่ะ
ข้อมูลมาจากหน้านี้ http://www.utapri.com/game/music2/tokuten.php

แต่ละร้านจะให้ของแถมไม่เหมือนกัน อันนี้จะเป็นดราม่าซีดีจากร้าน HMV/ONLINE エルパカ นะคะ ส่วนทำไมถึงเลือกอันนี้มาแปล ก็นะ 555

TOP Secret!!! -Idol’s Secret-
Reiji&Otoya&Tokiya Side B

บทย่อ

คน 3 คนมาลงเอยในห้องแต่งตัวเดียวกันที่สถานีโทรทัศน์ก่อนการบันทึกเทปรายการวาไรตี้

แล้วเรจิก็เริ่มพูดเรื่อง “ข่าวลือ” เกี่ยวกับโอโตยะที่เขาได้ยินมา

ในระหว่างที่กำลังครื้นเครงกับหัวข้อข่าวลือ ในบทสนทนาที่พวกเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปคุยกันเกี่ยวกับด้านที่คิดไม่ถึงของแต่ละคนก็มี…

"ใช่แล้วล่ะ โทคิยะน่ะเป็นพวกคลั่งหู

"พูดอะไรของคุณกันครับ กรุณาอย่าพูดอะไรที่เป็นข่าวโคมลอยจะได้มั้ย"

"โอ๊ะโอ๋ มีคำที่คิดไม่ถึงหลุดออกมาด้วย"

ห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้า!?
ห้องแต่งตัวแห่งความลับเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[Trans] Shingeki no Kyojin - June Bride [ErenxLevi]


Shingeki no Kyojin - June Bride [ErenxLevi]

EreLi Paper

Petra: Marriage is so dreamy~
Petra: Pure white veil will be lifted up and then the vow kiss.
Auruo: Petra… What nonsense are you saying?
Petra: Shut up, Auruo.
Eren: …Marriage, isn’t it? Women sure love this kind of stuff. I don’t quite understand though.
Eren: Lance coporal, I’m bringing the sheet for …
Eren: change.

Eren: Ah, sl…
Eren: He’s sleeping?
Eren: He’s sleeping…
Eren: Right, something that can be used to cover him.
Petra: (Pure white)
Petra: (veil will be lifted up)

Rivaille: Marriage…?
Irvin: What happened, Levi?


Shingeki no Kyojin - เจ้าสาวเดือนหก [ErenxLevi]
เอเรรีเปเปอร์

เพทรา: การแต่งงานนี่ยังไงก็ชวนฝันน้า
เพทรา: เปิดผ้าคลุมหน้าสีขาวบริสุทธิ์นะ แล้วก็จูบสาบาน
ออลโอ: เพทรา… เธอพูดเพ้อเจ้ออะไรของเธอ?
เพทรา: เงียบไปเลยออลโอ
เอเรน: …แต่งงาน แต่งงานเหรอ ผู้หญิงนี่ชอบเรื่องพวกนี้กันจริง ๆ เลยนะ ไม่ค่อยจะเข้าใจเลย
เอเรน: หัวหน้าหมู่ ผมเอาผ้ามาเปลี่ยน…
เอเรน: แล้วครับ

เอเรน: อ๊ะ หล…
เอเรน: หลับอยู่เหรอ
เอเรน: หลับอยู่…
เอเรน: จริงด้วย มีอะไรที่ใช้ห่มได้มั้ยนะ…
เพทรา: (เปิดผ้าคลุมหน้า)
เพทรา: (สีขาวบริสุทธิ์)

รีไวล์: แต่งงานเรอะ…
เออร์วิน: เป็นอะไรไปรีไวล์?

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[ซับ] UtaPri Drama CD สมมติว่ามิคาเสะ ไอเป็นเลขา

Download
 
ไอไอน่าร้าก ฟัง ๆ ไปก็นึกภาพไอไอทำหน้ายิ้มเย็นปล่อยรังสี S ใส่
อยากได้เลขาแบบนี้บ้างจัง ออฟฟิเชียลทำมาให้จิ้นง่ายซะด้วย ดราม่าชุดนี้ของบางคนจะมีบอกชัด ๆ เลยว่าพูดกับแฟนสาว แต่ของไอไอไม่มีค่ะ เปิดให้จิ้นได้ตามอัธยาศัยและสายพลัง 5555
 

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[ซับ/แปล] UtaPri Drama CD สมมติว่าคุรุสึ โชเป็นคุณครู

ว่าจะนั่งแปลแป๊บเดียวแล้วไปนอน ดันติดอยู่ประโยคนึงเลยยาวเลย
track นี้มาจากซีดีที่แถมมากับเกมภาค All Star ธีมคือสมมติให้เจ้าชายแต่ละคนทำอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ไอด้อล อย่างริงโกะเซ็นเซเป็นตากล้อง ไอไอเป็นเลขาท่านประธาน เซซิลเป็นหมอดูอะไรเทือกนี้ ของไอไอนี่ฟังแล้วก๊าวค่ะ แต่แปลค้างมานานละไม่เสร็จซะที ขอลัดคิวเป็นอันนี้ก่อนละกัน

もしも来栖翔が教師だったら
สมมติว่าคุรุสึ โชเป็นคุณครู

CD: うたの☆プリンスさまっ♪ All Star Super Super Shining Smile BOX 初回限定版特典 ドラマCD「もしもの☆プリンスさまっ♪ 職業編」 Track 12 もしも来栖翔が教師だったら
English Translation: http://a-mune-shia.tumblr.com/post/52468843720/translation-for-this-sorry-i-couldnt-understand

เดี๋ยวเหอะ อย่ามาเรียกว่าครูเตี้ยนะ! ไม่ได้เตี้ยเฟ้ย!  ปัดโธ่ พูดไปไม่รู้กี่รอบแล้ว แล้วชั้นก็ไม่ได้เตี้ยซะหน่อย หลัง ๆ มานี่พวกนั้นมันสูงเกินไปตะหาก
อ๊ะ ขอโทษที่มาสายนะ อะไรนะ เธอก็เพิ่งมาเหมือนกันเหรอ
งั้น มีเรื่องอะไรรึเปล่า ช่วงนี้เธอดูซึม ๆ ไปนะ เวลาอยู่ในนห้องเรียนก็เหม่อตลอดเลย
“รู้ด้วยเหรอ?” เรอะ ของมันแน่อยู่แล้ว ก็ชั้นเป็นครูของเธอนี่ อีกอย่างแทนที่จะกลุ้มอยู่คนเดียว เล่าให้คนอื่นฟังจะแก้ปัญหาได้เร็วกว่านะ เพราะงั้นไม่ลองเล่าให้ชั้นฟังดูหน่อยล่ะ
หือ เรื่องที่กลุ้มอยู่คือเรื่องเรียนงั้นเหรอ อื้ม ถ้าอย่างงั้น...
มันเป็นเรื่องที่ต้องกลุ้มขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดชั้นเรียนได้เกรดแย่ ๆ ยังมาเป็นครูได้เลย แค่ตั้งใจเรียนในห้องก็พอแล้วล่ะ ไม่ต้องกลุ้มหรอก
ว่าแต่เกรดเธอแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่ายังมีเรื่องกลุ้มเรื่องอื่นอีก
เอ๊ะ มีรอยปากกาแดงที่คอชั้นเหรอ เอาจริงดิ! หือ มองไม่เห็น นี่ มีกระจกรึเปล่า โอ๊ะ ขอบใจนะ เอ ไหนไหน เฮ้ย มีจริง ๆ ด้วย
อ้อ นึกออกแล้ว ก่อนจะมานี่ชั้นไปเจอพวกที่เล่นกันอยู่ตรงระเบียง สงสัยจะติดมาตอนนั้นแหละ
แต่ว่านะ เธออุตส่าห์มาปรึกษาชั้นทั้งที แต่ชั้นกลับดูไม่ได้เอาซะเลย
นี่ อย่าหัวเราะกันสิ! ดูสดชื่นขึ้นแล้วนี่ แล้วเป็นไง ชั้นช่วยแก้ปัญหาหลัก ๆ ให้เธอได้รึเปล่า เฮ้อ ยังมีปัญหาอย่างอื่นอยู่อีกใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้ามันพูดลำบากก็ไม่ต้องฝืนหรอก
เอาล่ะ ชั้นจะซัดเรื่องกลุ้มของเธอให้หายไปเอง
เรื่องจบการศึกษาน่ะเหรอ ชั้นเองก็เหงาเหมือนกันนะ ถ้าได้อยู่กับพวกเธอไปเรื่อย ๆ ก็คงจะดี แต่การจบการศึกษาเป็นเครื่องหมายว่าพวกเธอเติบโตขึ้นแล้ว ชั้นรู้ว่าควรจะยืนส่งพวกเธอด้วยรอยยิ้ม ดังนั้นชั้นจะซัดความเหงานี่ให้ปลิวไปซะ เธอเป็นลูกศิษย์ที่สำคัญของชั้น ถึงจะเรียนจบไปแล้วเรื่องนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นก็มาพึ่งพากันได้เสมอนะ
อุ ไม่ได้ร้อง!!! ยะ อย่ามาแหย่ผู้ใหญ่เล่นนะ บ้าจริง ชั้นตัดสินใจไว้แล้วว่าจะเก็บน้ำตาเอาไว้จนถึงวันที่พวกเธอจบการศึกษา! แต่ชั้นก็ดีใจที่เห็นเธอดูสดชื่นขึ้นนะ เวลาที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอชั้นเองก็พลอยเศร้าไปด้วย
เอาล่ะ! จัดการเรื่องกลุ้มได้แล้วก็กลับไปกินราเม็งกันดีกว่า วันนี้ชั้นจะเลี้ยงราเม็ง”สุด”อร่อยของโปรดของคุณครูคุรุสึให้เป็นพิเศษเลย เธอชอบอะชิตะบะ(ชื่อผัก)มั้ย เอาวางโปะไว้ข้างบนอย่างงี้นะ โอ๊ะ ตอบได้ดี งั้นไปกันเลย!
--o-- 
โชจังแมนตลอด แต่ขาดความโรแมนติกไปหน่อยนะ ของคนอื่นเค้ามีจีบ ๆ จูบ ๆ กัน ของโชจังงี้ใสเชียว 555

ลองเอาดราม่าโชจังมาทำซับดู
หา tutorial ใหม่ ๆ ไม่ค่อยเจอเลย ออกมามัวเชียว แต่ก็สนุกดี ^o^

Download
 

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[แปล] K Guide Book Novel vol. 4 Renewal Procedure

K Guide Book, vol. 4 Renewal Procedure by Takahashi Yashichirou
Renewal procedure by Takahashi Yashichirou
ระเบียบการต่ออายุ โดย ทาคาฮาชิ ยาชิจิโร 

English Translation: http://chilly-territory.tumblr.com/post/51579495057/k-guide-book-vol-4-renewal-procedure-by-takahashi

สำนัก งานของผู้บังคับการแห่งเซ็ปเตอร์ 4 ที่คุซานางิ อิซึโมะถูกนำทางไปนั้นยังคงเป็นสถานที่ที่แปลกประหลาดเหมือนเคย ครึ่งหนึ่งดูเหมือนออฟฟิศแบบตะวันตกสมกับเป็นสำนักงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีกครึ่งกลับเป็นห้องชงชาแบบญี่ปุ่นที่แยกจากอีกส่วนด้วยบังตาไม้ไผ่สี เขียว

“ยอดเยี่ยม เอกสารไม่มีจุดที่ต้องแก้ไขเลย ชั้นขอรับรองการต่ออายุราชอาณาเขตของปีนี้”

ราชา สีฟ้า “มุนาคาตะ เรชิ” ผู้นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะผู้บังคับการในสำนักงานประหลาดตรวจสอบเอกสารแล้วจึง ผงกศีรษะ ถึงแม้ว่าบรรยากาศในห้องจะดูภูมิฐานเป็นทางการตามแบบของราชา แต่ในความเป็นจริงบรรยากาศกลับชวนให้อึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ถ้าหากแคลนส์แมนสีแดงทุกคนเป็นคนมีเหตุมีผลเหมือนเธอก็คงจะดี”
“ทาง นี้ต่างหากที่ควรจะต้องขอบคุณที่ราชาสีฟ้าผู้มีงานรัดตัวสละเวลามาตรวจ สอบเอกสารให้ด้วยตัวเอง” คุซานางิที่รักษาระยะห่างจากชายอีกคนตอบอย่างไม่แยแสขัดกับบรรยากาศหนักอึ้ง ในห้อง “แต่ที่จริงแค่ให้พนักงานต้อนรับประทับตราให้ก็พอแล้วล่ะ”

“ก็ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการแบบขอไปทีได้” มุนาคาตะยิ้มออกมา ทำให้อากาศในห้องหายใจได้สะดวกขึ้นเล็กน้อย แต่สีหน้าของมุนาคาตะก็มีวาระซ่อนเร้นอยู่มากเกินกว่าจะดูผ่อนคลายได้อย่าง แท้จริง แม้แต่เสียงที่นุ่มนวลก็มีความยุ่งยากใจที่ชวนให้คุซานางินึกถึงการสอบปากคำ แฝงอยู่ “มันเป็นข้อตกลงสำคัญระหว่างราชาตามข้อกำหนดที่ 120 ชั้นมั่นใจว่าเธอเองก็เข้าใจถึงความสำคัญของมันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นช่วยเลิกแดกดันเรื่องนี้ทีเถอะนะ”

ราชาทั้งเจ็ด ที่หลักศิลามอบพลังให้แต่ละคนต่างก็ได้รับสิทธิ์ให้ปกครอง อาณาเขตที่เฉพาะเจาะจง เรียกว่าราชอาณาเขต ในกรณีของราชาสีแดง ราชอาณาเขตของเขาคือบาร์ HOMRA ส่วนราชาสีฟ้าก็มีตึกกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวสาขาที่ 4 ระเบียบกำหนดไว้ว่าราชาจะต้องต่ออายุสิทธิ์การครอบครองราชอาณาเขตทุกปีปีละ ครั้ง

สาเหตุที่คุซานางิอุตส่าห์ลากขาตรงมายังพื้นที่ของเซ็ป เตอร์ 4 ที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของแคลนสีแดงด้วยความตั้งใจของตัวเองก็เพราะการต่อ อายุตามระเบียบการจะต้องทำที่สาขา 4 ของกรมกฎหมายสำมะโนภาคพื้นโตเกียวนี้

“มิ ได้ ในฐานะที่เป็นแคลนส์แมน ผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องเคารพและถ่ายทอดความคิดเห็นและความต้องการของ ราชาของผมอย่างเต็มกำลังความสามารถ”

ปกติแล้วแค่การเสแสร้ง เป็นสุภาพเจือการถากถางประชดประชันของคุซานางิก็เพียง พอจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามพูดไม่ออกได้แล้ว แต่มุนาคาตะกลับยังนิ่งเฉย

“หมายความว่าเขาไม่เคยคิดจะมาด้วยตัวเอง ถึงได้ส่งแต่ตัวแทนมาทุกครั้ง อย่างงั้นสินะ”

นายเองก็เหอะ รู้อยู่แก่ใจแล้วยังมาถาม คุซานางิคิดด้วยความสับสน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยักไหล่ “ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ราชาสีแดงของเรานอนหลับระหว่างเวลาทำการของฝ่ายต้อนรับของคุณ”

มุนาคาตะหัวเราะเบา ๆ ส่วนหนึ่งเพราะคิดไม่ถึง “เข้าใจล่ะ เป็นข้ออ้างที่ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ”

คุ ซานางิไม่คิดจะร่วมคุยเรื่องจิปาถะซึ่งมีแต่จะทำให้ตัวเองเพลียเอาทีหลัง เขาจึงพยายามหาจังหวะจากไปให้เร็วที่สุด “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วล่ะก็”

“จะว่าไปแล้ว” มุนาคาตะพูดขึ้นเหมือนจะกันไม่ให้คุซานางิจากไป
“ถ้า ไม่เป็นการรบกวน ช่วยชี้แจงหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนและหลังเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ พวกนายจัดการกับองค์กรศัตรูกับคนในนั้น ทางนี้เองถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ช่วยประหยัดเวลากับแรงงานที่จะต้องรวบรวม หลักฐานน่ะนะ”

“อา เรื่องนั้น คือว่า หลังจากคุยกับคนของเราแล้ว...” คุซานางิโดนลากไปตามบทสนทนา แต่เขาไม่สามารถจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นกับมุนาคาตะได้อยู่แล้ว ดังนั้น… “เรื่องนั้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ผมจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งเร็ว ๆ นี้แหละ” เมื่อเลี่ยงคำถามได้แล้วคุซานางิก็หันหลังด้วยความตั้งใจว่าคราวนี้จะกลับ แล้วแน่ ๆ “ถ้างั้นผมขอตัว”

เออ จะว่าไป” มุนาคาตะหยุดเขาไว้อีกครั้ง “เมื่อวานสัตว์ที่มีพลังพิเศษตัวหนึ่งที่เราดูแลอยู่ตีกับแมวที่เดิน เตร่อยู่ในเขตรับผิดชอบของเรา”
“หา...?”

คุซานางิ รู้สึกได้ในทันทีว่าหัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปอย่างมั่วซั่ว เขาลองคาดเดาแรงจูงใจของมุนาคาตะจากทิศทางที่การสนทนานี้มุ่งไป และทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ มุนาคาตะไม่ได้สนใจเลยว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไร เขาเพียงต้องการจะซื้อเวลา
“...เอ่อ เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ!” คุซานางิรีบพูดเสียงดัง เพราะถ้าชักช้าก็เสี่ยงต่อการถูกดึงเข้าไปมีเอี่ยวกับอะไรที่ไม่น่าพิศมัย ณ จุดนี้เขาไม่สนใจจะรักษามารยาทอีกต่อไปแล้ว

และก็เป็นไปตาม ความคาดหมาย มุนาคาตะเองก็เริ่มร้อนรน ถึงแม้ว่าท่าที่เขาประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะจะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคิ้วกลับขมวดเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ บ่งบอกถึงความอึดอัดใจ เขารู้สึกได้ว่าถูกคุซานางิจับทางได้จึงตัดสินใจพูดตรง ๆ อย่างไม่สนใจจะรักษาหน้าตาด้วยอีกคน “ถ้าเธอกลับไปตอนนี้ เป็นไปได้อย่างมากว่าชั้นจะโดนยัดเยียดให้รับผิดชอบส่วนของสองคน”

ก่อน การพบกันนี้ มุนาคาตะเจอรองผู้บังคับการของเขามุ่งหน้าไปที่ห้องครัวของสำนักงานอย่างกระ ตือรือล้น คาดว่าเธอคงตั้งใจจะแสดงความเอื้อเฟื้อของเซ็ปเตอร์ 4 กับแขกของมุนาคาตะ เขามั่นใจว่าอีกไม่กี่อึดใจเธอจะมาถึงที่นี่พร้อมกับเอาเจ้าสิ่งนั้นที่เป็นขนมแกล้มน้ำชาแค่ชื่อกองใหญ่มาด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า คือบังเอิญวันนี้อิ่มแล้ว ไม่สิ แบบว่า น่าเสียดายจริง ๆ ~”
คุ ซานางิขยับไปข้างหลังโดยไม่ฝืนกลั้นหัวเราะ เขาค่อย ๆ เคลื่อนที่ช้า ๆ แต่มั่นคงไปยังประตู และในจังหวะที่เขาไปถึง... “ขอให้โชคดีในการศึก ราชาสีฟ้า!” คุซานางิทิ้งท้ายและไถลตัวจากไป

คุซานางิกำลัง มุ่งหน้ากลับไปตามทางเดินด้วยฝีเท้าว่องไว และที่ระเบียงทางเดินหนึ่งเขาก็พบกับอาวาชิมะ เซริรองผู้บังคับการของเซ็ปเตอร์ 4 กำลังถือถาดที่ตรงตามความคาดหมายของเขา พูดให้ชัดก็คือ มีสิ่งนั้นกองเป็นภูเขาอยู่จนแทบจะฝังถ้วยชาหรือแม้แต่ไอร้อนจนมิด คุซานางิยกมือขึ้นอย่างไม่มีพิธีรีตอง “เซริจัง ขอโทษนะ พอดีวันนี้ชั้นกำลังรีบ...”
 “แหม เหรอคะ” เธอตอบกลับมาอย่างเรียบเรื่อยพอกันในขณะที่พวกเขาเดินสวนกัน
ใน ตอนนี้คุซานางิรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของการหนีออกมาจากถ้ำ เสือได้อย่างหวุดหวิด ธุระของเขาเสร็จแล้วและไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกมาจากห้องผู้ บังคับการก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เพียงแต่ว่า... นะโมตัสสะ  แม้ว่าจะขัดกับความคิดเห็นและความต้องการของราชา แต่คุซานางิก็รู้สึกว่าอยากจะสวดมนตร์ซักบทสองบท
--o--

มุนาเป็นที่รักของทีมงานจริง ๆ โดนตะหลอด 55555
แอบชอบให้มุนาคาตะกับคุซานางิปะทะคารมกันอยู่นะคะ ในดราม่าซีดีงี้ซัดกันมันหยดติ๋ง ปากร้ายทั้งคู่เลย
ส่วนอาวุธร้ายแรงที่สุดในเรื่องขอยกให้กับอาวุธสุดยอดของเซริจัง ปราบได้แม้แต่ราชา
ปอลิง บางประโยคจะไม่ได้มาจากภาษาอังกฤษนะคะ บางทีนึกคำไม่ออกเลยไปเปิดแบบยุ่นเอา เลยจะต่างกันนิดหน่อย

วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

[แปล] K Guide Book Novel vol. 3 Kingdom

K Guide Book, vol. 3 Kingdom by Raikaku Rei
Kingdom by Raikaku Rei
อาณาจักร โดย ไรคาคุ เร

English Translation: http://chilly-territory.tumblr.com/post/51789092599/k-guide-book-vol-3-kingdom-by-raikaku-rei

หลัง จากซุโอกลายเป็นราชาก็มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่คุซานางิไม่สามารถจะสลัดความ รู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางพายุออกไปได้ ตั้งแต่วินาทีที่ดาบยักษ์ปรากฏขึ้นเหนือหัวของซุโอ วินาทีที่เขาจับมือเพื่อนที่ห่อหุ้มด้วยเปลวไฟ โลกทั้งโลกของเขาก็เปลี่ยนไป

คุ ซานางิรู้ดีว่าตัวเองได้แหย่ขาข้างนึงเข้าไปในโลกมืดเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยนึกฝันเลยว่าที่สุดแล้วตัวเองจะย่างเท้าเข้าไปสู่โลกเหนือ ธรรมชาติที่ผู้คนมีพลังเหนือล้ำกว่าความสามารถของมนุษย์ไปไกลโข พวกเขาทั้งสามคนถูกดึงเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่แสนจะแปลกประหลาดครั้งแล้ว ครั้งเล่าในขณะที่ถูกโลกที่ไม่รู้จักนี้หยอกล้อ ราวกับว่าต้องการจะกลืนกินพวกเขาเข้าไป ยิ่งกว่านั้นยังตกเป็นเครื่องเล่นของถ่านคุไฟสีแดงที่ถือกำเนิดจากภายในตัว พวกเขาทั้งสามคน
ไฟที่คุซานางิได้รับมาจากซุโอนั้นเกินกำลังที่เขาจะ ควบคุมได้ เขาจึงต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งไปในการเรียนรู้วิธีการใช้ความสามารถของตัวเอง แต่ถึงกระนั้น ไฟของคุซานางิก็เทียบไม่ได้เลยกับพลังอันยิ่งใหญ่ของซุโอ มันคือไฟประลัยกัลป์ที่จะเผาทุกอย่างที่ขวางหน้าจนราบเป็นหน้ากลอง ซุโอเก็บตัวอยู่ในบาร์ HOMRA และพยายามอย่างหนักที่จะกดมันเอาไว้ ในร่างของเขามีลาวาที่ร้อนแรงเดือดพล่านอยู่ และแม้แต่คุซานางิเองก็ยังมีเวลาที่ถูกกดดันเมื่ออยู่ต่อหน้าออร่าที่รุนแรง ที่ซุโอปล่อยออกมาราวกับเป็นเทพมาร

กริ๊ง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น คนในร้านสองคนหันมาทางคุซานางิที่เพิ่งกลับมา

“กลับมาแล้วเหรอ คุซานางิซัง!” โทสึกะยิ้มให้คุซานางิ ส่วนซุโอทักทายง่าย ๆ ด้วย “ไง” พร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย

คุซานางิผ่อนคลายแล้วยิ้มตอบ “พวกนายทำอะไรกันอยู่”

ซุ โอนั่งขี้เกียจอยู่บนสตูลในขณะที่โทสึกะยืนอยู่ข้างหลังพร้อมกรรไกรในมือ ถึงคุซานางิจะถามว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่คำตอบที่เป็นไปได้ก็ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่แล้วว่าในที่สุดซุโอก็คิดจะ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยขึ้นอีกนิด ตั้งแต่ซุโอกลายเป็นราชาเขาก็ไม่มีเวลาพอจะมาดูแลภาพลักษณ์ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ผมจึงยาวขึ้นและก็เห็นอยู่แล้วว่าโทสึกะกำลังตัดมันอยู่ เรื่องนี้หมายความว่าซุโอเองก็กำลังจะควบคุมพลังของตัวเองได้แล้ว หนวดเคราที่ยาวเพราะไม่ได้โกนหายไปจากใบหน้าของซุโออย่างหมดจดดูสดชื่น เกลี้ยงเกลา

 “กำลังตัดผมให้คิงอยู่น่ะ ฝีมือชั้นใช้ได้เลยใช่มั้ย”
“นายนี่มีพรสวรรค์ในเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้วนะ หือ... ตรงที่ยาว ๆ ลงมาปรกหน้า 2 เส้นนี่อะไร”
“ขอบคุณที่ถาม!” โทสึกะยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “มันคือหนวด!”
“หา?”
“ก็ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่พวกเรามีศัตรูเยอะใช่มั้ยล่ะ แถมตอนนี้เรายังอยู่ในสถานการณ์ที่จับต้นชนปลายไม่ถูกอีก เพราะฉะนั้นหนวดนี่จะช่วยตรวจจับตัวตนของศัตรู เป็นการช่วยให้คิงป้องกันตัวได้ดีขึ้น! ไม่ใช่แค่นั้นนะ! หนวดนี่ยังมาพร้อมกับโทรจิต! …โอ๊ย!” โทสึกะพูดไม่หยุดเหมือนโฆษณาบางประเภทในทีวีจนโดนซุโอเขกหัวจากข้างหลัง เพื่อจะหยุดการพูดพล่ามของเขา ภาพที่คุซานางิเห็นนี้ยืนยันการคาดเดาที่ว่าซุโอกลับมาเป็นตัวเขาคนเดิมจริง ๆ

คุซานางิยิ้มออกมาและเดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองคน

ถึง แม้โทสึกะจะเป็นแคลนแมน [ต้นฉบับญี่ปุ่นใช้คำว่า Clansman ทับศัพท์เลยใช้ตามค่ะ] ของซุโอและผ่านพิธีการมาในเวลาเดียวกับคุซานางิ แต่เขากลับไม่ได้รับพลังอะไรมากมาย และเหมือนกับจะเป็นการแลกเปลี่ยนกับเรื่องนั้น โทสึกะจึงไม่เคยพบปัญหาในการควบคุมพลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว และไม่ใช่แค่นั้น ไฟของเขาที่มีต้นกำเนิดมาจากซุโอสามารถประสานเข้ากับไฟของซุโอได้อย่าง สมบูรณ์แบบ มันสามารถจะทำให้ไฟที่บ้าคลั่งของซุโอสงบลงได้ กับไฟของคุซานางิที่เรียกได้ว่าเป็นไฟพี่น้องกันก็มีผลเช่นเดียวกัน

ตลอด เวลาที่ผ่านมา โทสึกะคอยอยู่ข้าง ๆ พวกเขาและทำให้พลังของซุโอสงบลงในเวลาที่ชายผมแดงกำลังจะพ่ายแพ้ให้กับเปลว ไฟของตัวเองพร้อมกับลากคุซานางิให้ล่มจมไปด้วยกัน

“โทสึกะ ผมนายก็ยาวมากแล้วนะ”

ผมของโทสึกะที่ยาวถึงไหล่ถูกผูกเป็นหางม้าลวก ๆ เขาเองก็เหมือนกับซุโอตรงที่ไม่มีเวลาพอจะมาดูแลตัวเอง

โท สึกะหัวเราะเรื่อยเปื่อยและเอายางที่มัดผมไว้ออก “ฮื่อ ก็คิดว่าพอตัดให้คิงเสร็จแล้วจะตัดของตัวเองอยู่เหมือนกัน” ไม่พูดเปล่า เขาเสือกกรรไกรเข้าไปในผมตัวเอง

“ตัดผมให้ตัวเองมันยากอยู่นะ ให้ชั้นทำให้เอามั้ยล่ะ” คุซานางิหยุดโทสึกะไว้ เป็นผลให้ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่ามองขึ้นมาอย่างหวาด ๆ

“…คุซานางิซังคงไม่ตัดหนวดให้ชั้นหรอกใช่มั้ย”
“นี่นาย...ไม่เคยมีใครสอนรึไงว่าถ้าไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำอย่างงั้นกับคนอื่น”
“แหม ที่จริงแล้วก็อยากให้ตัวเองมีพลังพอคู่ควรกับหนวดอยู่เหมือนกัน”
พอ ได้ยินคำพูดไร้สาระที่โทสึกะพูดออกมาหน้าตาเฉย คุซานางิก็อดไม่ได้ที่จะเขกหัวกลวง ๆ นั่น จากนั้นจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาแล้วจับให้ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่านั่งลงบน เก้าอี้ จากนั้นจึงเริ่มตัดผมสีอ่อน

“เออ จะว่าไปแล้ว มิโคโตะ ยังจำพวกพิลึกที่ใส่หน้ากากกระต่ายที่เคยมานี่ได้รึเปล่า พวกที่พูดอะไรเกี่ยวกับระเบียบกับข้อตกลงที่มาพร้อมกับการเป็นคิงน่ะ”
“เออ”
“คือ พวกนั้นอยากให้นายเลือกราชอาณาเขต [น่าจะคุ้นกับคำว่า Kingly domain กันมากกว่ามั้ง] แล้วชั้นก็เบื่อจะวุ่นวายด้วยแล้ว เลยส่งเอกสารไปแล้วว่านายเลือกบาร์นี่เป็นราชอาณาเขต”
“อะไรคือราชอาณาเขตเหรอ” โทสึกะบิดคอมามองคุซานางิที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการตัดผม

คุ ซานางิจับหัวโทสึกะหมุนกลับไปยังตำแหน่งเดิมและตอบคำถาม “ตามที่ได้ยินมา มันคืออะไรที่เหมือนกับเขตแดนที่ราชาเป็นเจ้าของ แม้แต่ราชาด้วยกันเองก็ผ่านเข้ามาไม่ได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง”
“หืออ... แต่คิงไม่มีอะไรที่คนทั่วไปเค้าพูดว่า ‘นี่เป็นสมบัติของชั้น’ ได้นี่นา”
“ก็ ใช่น่ะสิ แถมจะไปใช้ห้องเช่าเป็นราชอาณาเขตก็ไม่ได้อีก คนให้เช่าได้ตกใจตายกันพอดี โชคยังดีที่มีร้านนี่อยู่” คุซานางิเหลือบมองซุโอ
“เพราะฉะนั้นนายไปจัดของบนชั้นสองแล้วมาอยู่ที่บาร์นี้ซะ”
“...แน่ใจเหรอ”
“แน่ ใจสิ ตั้งแต่ลุงชั้นเสียชั้นสองก็ไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว” คุซานางิพูดและยิ้มให้ซุโอ จากนั้นจึงเคลื่อนสายตากลับมาที่หัวของโทสึกะและขยับกรรไกร แต่ละครั้งที่หุบกรรไกร ผมเส้นใหม่ก็ร่วงลงที่พื้น
แม้จะรู้ว่าคุซานา งิกำลังตัดผมของเขาอยู่ โทสึกะก็ยังบิดคอไปมาเพื่อสำรวจสภาพภายในบาร์ “งั้นเหรอ ...ที่นี่จะกลายเป็นอาณาจักรของคิง” โทสึกะพูดในขณะที่อารมณ์ที่ลึกซึ้งปรากฏบนใบหน้า รอยยิ้มของเขาสะท้อนให้เห็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกัน ความดีใจ ภาคภูมิใจ และมีความเจ็บปวดปนอยู่เล็กน้อย
เมื่อคุซานางิมองไปรอบบาร์ เขาเองก็มีความรู้สึกแบบเดียวกัน สภาพในบาร์ตอนนี้ดูสกปรกและขาดการดูแล ร้านนี้ใช้งานไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้วและคุซานางิก็ปล่อยมันไว้แบบนั้นโดยที่ ไม่แม้แต่จะทำความสะอาด นอกจากนี้บางส่วนของบาร์ยังเสียหายจากปัญหาหลาย ๆ อย่าง รอยไหม้จากช่วงที่ซุโอและคุซานางิควบคุมพลังไม่ได้เองก็กระจายอยู่ทั่วไป
หลัง จากมองไปรอบ ๆ เพิ่มจากเดิม ทันใดนั้นสิ่งรบกวนที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มของโทสึกะก็หายไปกลายเป็นรอยยิ้มที่ สดใสไร้กังวล เขาหันไปทางซุโอและคุซานางิและส่งยิ้มให้ทั้งสองคน “มาทำให้ที่นี่เป็นประเทศที่ดีกันเถอะ!”

คุซานางิเองก็ยิ้ม ออกมาราวกับถูกดึงดูดด้วยความร่าเริงของโทสึกะ “...ตกลง ก่อนอื่นก็ต้องทำความสะอาดแล้วก็ตกแต่งภายในซะใหม่ แล้วเราก็จะเปิดบาร์ HOMRA ฉบับปรับปรุงใหม่กัน”

คุซานางิตั้งใจว่าจะให้อีกสองคน ช่วยเขาปัดกวาดเช็ดถูบาร์ให้สะอาดเอี่ยม ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาเปลี่ยนแทนชิ้นที่เสียหาย และกลับไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับคนส่งสินค้าที่เขาหยุดติดต่อด้วยมาพักใหญ่ เขาอยากจะเปลี่ยนภาพพจน์บาร์เสียใหม่ให้เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นจึงต้องเปลี่ยนเคาท์เตอร์บาร์ด้วยของใหม่ที่ตรงตามรสนิยมของเขา
ใน ที่สุด โลกของพลังเหนือธรรมชาติที่ขาดสัมผัสแห่งความเป็นจริงและหยอกล้อกับพวกเขา ทั้งสามคนเหมือนของเล่น กับโลกอันคุ้นเคยของชีวิตตามปกติที่คุซานางิจะต้องยืนอย่างมั่นคงและใช้ ชีวิตอยู่ ก็เริ่มจะซ้อนเข้าด้วยกัน

มาทำให้ที่นี่เป็นประเทศที่ดี ทำให้เป็นบาร์ที่ยอดเยี่ยมกัน

บาร์ HOMRA จะเป็นทั้งอาณาจักรของซุโอและร้านของคุซานางิ โทสึกะจะเอาของที่สนุกสนานมาและแต่งแต้มสถานที่นี้ด้วยสีของความยินดี

มุมปากของคุซานางิยกขึ้นในขณะที่เขามองไปยังคนสองคนที่จะร่วมสร้างอาณาจักรขึ้นด้วยกัน

เรื่องราวใหม่ของพวกเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้น

--o--

เราชอบนิยายสั้นชุดนี้หลายเรื่องเลยค่ะแต่แปลอันนี้ก่อนเพราะง่ายสุด

อ่าน แล้วก็อยากสครีมทาทาระโพนี่เทลกับมิโคโตะหนวดดกเบา ๆ เวอร์ชั่นหนวดดกนี่น่าจะเอาไปประชันกับมุนาคาตะตอนถอดแว่นในดราม่าซีดีว่า ใครจะเรื้อนกว่ากัน XD

แล้วดันเปิดเผยความจริงว่าไอ้นั่นคือ หนวดจริง ๆ ด้วย ทาทาระไม่ไหวจะเคลียร์ มิโคโตะก็โคตรจะตามใจ ให้ตัดตามใจชอบเลยนะ ชักอยากรู้แล้วว่าแฟชั่นของมิโคโตะนี่เลือกเองหรือใครแต่งให้กันแน่ 5555

แต่ พูดก็พูดเถอะ แปลเสร็จแล้วดันนึกถึงตอนจบซีซั่นขึ้นมา เศร้าซะไม่มีดี แถมยังคำพูดโปรโมทมูวี่นั่นอีก ยังไงก็อยากจะให้สามคนนี้อยู่ที่บาร์ตลอดไป เคยเจอโดที่เขียนให้ทาทาระรอมิโคโตะอยู่ที่บาร์ในโลกโน้นด้วยล่ะคะ แล้วก็บอกว่าจะดูแลบาร์ไปก่อนจนกว่าคุซานางิจะมา โอย กระแทกใจ เรื่องนี้เราว่าคุซานางิชีวิตรันทดที่สุดเลย เสียทาทาระไปแล้ว มิโคโตะยังจะดื้อตามไป ทิ้งคุซานางิไว้คนเดียว คุซานางิก็ต้องปล่อยไปทั้ง ๆ ที่รู้ เฮ่อ เรื่องมันเศร้า ภาคใหม่เป็นมูวี่ก็เศร้า อยากได้ซีซั่นสองแบบยาว ๆ หน่อย ชักจะบ่นมากไปแล้ว จบดีกว่า
ไว้เจอกันคราวหน้าค่ะ