เวลาพีคอะไรแล้วมีคนพีคด้วยนี่ดีจังเลยน้า
ขอสารภาพว่าอ่านคอมเม้นท์เอ็นทรี่ก่อนไปหลายรอบ
แถมตอนอ่านนั่งอมยิ้มอีกตะหาก โยโกน่ารักเนอะๆๆๆ อยากอ่านตอนต่อจังเลย
เมื่อไหร่จะถึงเดือนหน้าซะทีนะ
ระหว่างรอโยโก วันนี้อ่านนิยาย Fate/Zero เล่ม 1 จบแล้ว เลยเพิ่งรู้ว่าอีตาอุโรบุจิคนเขียน Fate/Zero กับมาโดกะ กับ คำว่าอบอุ่น ที่คนเค้าพูดกันบ่อย ๆ มันเกี่ยวกันยังไง ที่แท้ก็มาจากท้ายเล่มของเล่มนี้เอง อ่านแล้วถูกใจเลยลองแปลดูค่ะ
Fate/Zero:Volume 1 Postface 1
ระหว่างรอโยโก วันนี้อ่านนิยาย Fate/Zero เล่ม 1 จบแล้ว เลยเพิ่งรู้ว่าอีตาอุโรบุจิคนเขียน Fate/Zero กับมาโดกะ กับ คำว่าอบอุ่น ที่คนเค้าพูดกันบ่อย ๆ มันเกี่ยวกันยังไง ที่แท้ก็มาจากท้ายเล่มของเล่มนี้เอง อ่านแล้วถูกใจเลยลองแปลดูค่ะ
Fate/Zero:Volume 1 Postface 1
By: Urobuchi Gen
English Translation: Baka-Tsuki [http://www.baka-tsuki.org/project/index.php?title=Fate/Zero:Volume_1_Postface_1]
English Translation: Baka-Tsuki [http://www.baka-tsuki.org/project/index.php?title=Fate/Zero:Volume_1_Postface_1]
Thai Translation: talalan
อุโรบุจิ เก็นอยากจะเขียนเรื่องที่ทำให้หัวใจของผู้คนอบอุ่น
คน ที่รู้ประวัติการสร้างสรรค์ผลงานของผมคงจะขมวดคิ้วแล้วคิดว่านี่เป็นเรื่อง ตลกฝืด อันที่จริงแล้วผมเองก็เชื่อคำพูดนี้ไม่ได้หมดใจเหมือนกัน เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มพิมพ์ถ้อยคำลงบนคีย์บอร์ด เรื่องราวที่สมองผมคิดขึ้นมาก็มักจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและสิ้นหวัง
ความ จริงแล้วเมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นแบบนี้ บางครั้งบางคราวผมจะเขียนผลงานที่ไม่ได้มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบแต่ในตอนสุด ท้ายตัวเอกจะยังคงเชื่อว่า "ถึงแม้ว่าต่อไปจะมีเรื่องยากลำบากมากมาย แต่ฉันยังต้องสู้ต่อไป"
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมไม่สามารถจะเขียนเรื่องราวแบบนั้นได้อีกแล้ว
ตัว ผมเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าความสุข และจำต้องผลักไสตัวละครที่เทใจสร้างขึ้นมาไปสู่ห้วงเหวแห่งโศกนาฎกรรม
สิ่งใดก็ตามในโลกนี้ ถ้าหากว่าเราปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่ไปสนใจใยดีอะไรกับมัน สิ่งนั้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมุ่งไปในทางที่เลวร้าย
ก็ เหมือนกับที่ไม่ว่าเราจะทำยังไงจักรวาลก็จะไม่หยุดเย็นตัว มันก็แค่โลกที่สร้างขึ้นมาจากการรวบรวม "การรุดหน้าของสามัญสำนึก" ไม่มีทางที่จะหลุดรอดจากพันธนาการของกฏธรรมชาติไปได้
ด้วยเหตุนี้ การจะเขียนตอนจบที่สมบูรณ์แบบคุณจำเป็นจะต้องบิดเบือนกฏของเหตุและผล พลิกดำเป็นขาว และถึงขนาดต้องมีพลังที่จะมุ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกฏของจักรวาล มีเพียงวิญญาณอันล้ำเลิศและบริสุทธิ์สะอาดที่สามารถจะร้องเพลงสวดสรรเสริญ มนุษยชาติเท่านั้นที่จะกอบกู้เรื่องราวเอาไว้ได้ การจะเขียนเรื่องราวที่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่ท้าทายทั้งร่างกาย และวิญญาณของผู้เขียน
อุโรบุจิ เก็นได้สูญเสียพลังนั้นไปแล้ว และมันก็ยังไม่ฟื้นคืนมา ในตัวผมยังคงมี "อาการโศกนาฎกรรม" อยู่เรื่อยมา นี่เป็นโรคที่รักษาไม่หายหรือเปล่า หรือผมควรจะยอมปล่อยมือจาก "นักสู้แห่งความรัก" แบบไม่มีอะไรเจือปนที่โหยหา ขึ้นขี่อาชาสีซีดจางแล้วจุติใหม่เป็นพาหะของไวรัสตัวนี้... หรือว่าผมต้องเกิดใหม่ถึงจะสามารถสร้างผลงานที่มอบความกล้าหาญและความหวัง ให้ผู้คนได้ (ตอนเขียน ผมเขียน 'ความกล้า' เป็น 'วิญญาณ' หรือจะเป็นเพราะใช้ IME อ๊ะ ผมเขียน IME เป็น 'ความเกลียดชัง' นี่ผมจะไม่มีโอกาสฟื้นตัวอีกแล้วรึไง?)*
ใจจริงแล้ว ผมถึงกับอยากจะเลิกเขียนไปเลย ผมจำได้ว่าผมดูสไปเดอร์แมน II พอเห็นว่าปีเตอร์อยากให้ตัวเองไม่มีพลังจะเปลี่ยนร่าง ผมเองก็คิดว่า "บางทีฉันอาจจะไม่อยากเขียนบทอีกต่อไปก็ได้!"
ดังนั้นผมจึงไปที่บ้าน นาสุ คิโนโกะ เพื่อนของผมในตอนบ่ายของวันถัดมา และอยากจะบอกความตั้งใจของผมให้เขาฟัง แต่ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องที่คิดอยู่ในใจออกมา ทาคาชิ ทาเคอุจิก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน และหยิบยกเอาข้อเสนอที่คาดไม่ถึงขึ้นมาพูดในทันที
เรื่องหลังจากนี้ ก็เหมือนกับในบันทึกของคิโนโกะ ถึงแผนการณ์ตอนแรกจะเป็นแค่งานเขียนสั้น ๆ ที่บรรยายการดวลกันระหว่างคิริซึงุกับคิเรย์ แต่เมื่อปีกแห่งจินตนาการได้สยายออกมาครั้งหนึ่งแล้ว มันก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป และสุดท้ายมาสเตอร์ทั้ง 7 และเหล่าเซอร์แวนต์ก็มารวมตัวกัน ผมพบว่าตัวเองได้กลับมาดื่มด่ำกับการเรียงร้อยเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง จะพูดว่าการลงมือทำ Fate/Zero ช่วยรักษาอาชีพนักเขียนของผมไว้ก็ว่าได้
ตอนนี้ผมกำลังเขียนผลงานที่ได้รับการกอบกู้และมีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือเขียนส่วนหนึ่งของผลงานนั้น
ถูก แล้ว ผลงานอันยอดเยี่ยมที่มีชื่อว่า Fate ตอนจบร่วมกันอันสมบูรณ์แบบที่รายล้อมตัวเอกเอมิยะ ชิโร่เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าตอนจบของ Zero จะออกมาทารุณซักแค่ไหน มันก็จะไม่ส่งผลต่อตอนจบที่สมบูรณ์แบบของชิ้นงานโดยรวม
ในที่สุด ตอนนี้ผมก็ได้เขียนตอนจบที่โศกสลดตามที่หัวใจเรียกร้อง ไม่ว่าผมจะเปิดเผยความมืดในหัวใจออกมาเท่าไหร่ แต่ในภาพรวมแล้วผมก็ยังคงเป็นผู้สมคบคิดของ "นักสู้แห่งความรักนาสุ คิโนโกะ" อยู่ดี
อ้อ
เอิ่ม ถึงแม้ว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาของผมไม่ได้ทั้งหมด แต่ยังไงก็ตาม การที่ทำให้ผมสามารถค้นพบ "ตัวตนที่มีความสุขกับการสร้างสรรค์" อีกครั้งก็เป็นอะไรที่ดีขึ้นมาก
ตอนนี้ผมกำลังมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าวละก้าว ไม่ว่าในอนาคตผมจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน ณ ตอนนี้ผมก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว
ตามแผนการณ์ที่วางไว้ Fate/Zero ควรจะจบลงใน 4 เล่ม
*talalan's Note: ในวงเล็บแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วออกจะงง ๆ อยู่ เลยไปหาภาษาญี่ปุ่นมาอ่าน คือว่า คำว่า ความกล้า(勇気) กับ วิญญาณ(幽鬼) ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า ยูกิ เหมือนกัน เวลาพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดภาษาญี่ปุ่น IME(เหมือนตัวช่วยพิมพ์) ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกคำให้ก็ได้ แล้วตอนที่จะพิมพ์คำว่า IME ก็กลายเป็น 忌め ซึ่งอ่านว่า อิเมะ อักษรตัวหน้าแปลว่าเกลียดค่ะ อุโรบุจิอาจจะใช้คำว่าวิญญาณกับเกลียดบ่อยเลยออกมาเป็นแบบนี้
อุโรบุจิ เก็นอยากจะเขียนเรื่องที่ทำให้หัวใจของผู้คนอบอุ่น
คน ที่รู้ประวัติการสร้างสรรค์ผลงานของผมคงจะขมวดคิ้วแล้วคิดว่านี่เป็นเรื่อง ตลกฝืด อันที่จริงแล้วผมเองก็เชื่อคำพูดนี้ไม่ได้หมดใจเหมือนกัน เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มพิมพ์ถ้อยคำลงบนคีย์บอร์ด เรื่องราวที่สมองผมคิดขึ้นมาก็มักจะเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและสิ้นหวัง
ความ จริงแล้วเมื่อก่อนผมไม่ได้เป็นแบบนี้ บางครั้งบางคราวผมจะเขียนผลงานที่ไม่ได้มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบแต่ในตอนสุด ท้ายตัวเอกจะยังคงเชื่อว่า "ถึงแม้ว่าต่อไปจะมีเรื่องยากลำบากมากมาย แต่ฉันยังต้องสู้ต่อไป"
แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมไม่สามารถจะเขียนเรื่องราวแบบนั้นได้อีกแล้ว
ตัว ผมเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อสิ่งที่มนุษย์เรียกกันว่าความสุข และจำต้องผลักไสตัวละครที่เทใจสร้างขึ้นมาไปสู่ห้วงเหวแห่งโศกนาฎกรรม
สิ่งใดก็ตามในโลกนี้ ถ้าหากว่าเราปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่ไปสนใจใยดีอะไรกับมัน สิ่งนั้นก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมุ่งไปในทางที่เลวร้าย
ก็ เหมือนกับที่ไม่ว่าเราจะทำยังไงจักรวาลก็จะไม่หยุดเย็นตัว มันก็แค่โลกที่สร้างขึ้นมาจากการรวบรวม "การรุดหน้าของสามัญสำนึก" ไม่มีทางที่จะหลุดรอดจากพันธนาการของกฏธรรมชาติไปได้
ด้วยเหตุนี้ การจะเขียนตอนจบที่สมบูรณ์แบบคุณจำเป็นจะต้องบิดเบือนกฏของเหตุและผล พลิกดำเป็นขาว และถึงขนาดต้องมีพลังที่จะมุ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามกับกฏของจักรวาล มีเพียงวิญญาณอันล้ำเลิศและบริสุทธิ์สะอาดที่สามารถจะร้องเพลงสวดสรรเสริญ มนุษยชาติเท่านั้นที่จะกอบกู้เรื่องราวเอาไว้ได้ การจะเขียนเรื่องราวที่มีตอนจบที่สมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่ท้าทายทั้งร่างกาย และวิญญาณของผู้เขียน
อุโรบุจิ เก็นได้สูญเสียพลังนั้นไปแล้ว และมันก็ยังไม่ฟื้นคืนมา ในตัวผมยังคงมี "อาการโศกนาฎกรรม" อยู่เรื่อยมา นี่เป็นโรคที่รักษาไม่หายหรือเปล่า หรือผมควรจะยอมปล่อยมือจาก "นักสู้แห่งความรัก" แบบไม่มีอะไรเจือปนที่โหยหา ขึ้นขี่อาชาสีซีดจางแล้วจุติใหม่เป็นพาหะของไวรัสตัวนี้... หรือว่าผมต้องเกิดใหม่ถึงจะสามารถสร้างผลงานที่มอบความกล้าหาญและความหวัง ให้ผู้คนได้ (ตอนเขียน ผมเขียน 'ความกล้า' เป็น 'วิญญาณ' หรือจะเป็นเพราะใช้ IME อ๊ะ ผมเขียน IME เป็น 'ความเกลียดชัง' นี่ผมจะไม่มีโอกาสฟื้นตัวอีกแล้วรึไง?)*
ใจจริงแล้ว ผมถึงกับอยากจะเลิกเขียนไปเลย ผมจำได้ว่าผมดูสไปเดอร์แมน II พอเห็นว่าปีเตอร์อยากให้ตัวเองไม่มีพลังจะเปลี่ยนร่าง ผมเองก็คิดว่า "บางทีฉันอาจจะไม่อยากเขียนบทอีกต่อไปก็ได้!"
ดังนั้นผมจึงไปที่บ้าน นาสุ คิโนโกะ เพื่อนของผมในตอนบ่ายของวันถัดมา และอยากจะบอกความตั้งใจของผมให้เขาฟัง แต่ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องที่คิดอยู่ในใจออกมา ทาคาชิ ทาเคอุจิก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน และหยิบยกเอาข้อเสนอที่คาดไม่ถึงขึ้นมาพูดในทันที
เรื่องหลังจากนี้ ก็เหมือนกับในบันทึกของคิโนโกะ ถึงแผนการณ์ตอนแรกจะเป็นแค่งานเขียนสั้น ๆ ที่บรรยายการดวลกันระหว่างคิริซึงุกับคิเรย์ แต่เมื่อปีกแห่งจินตนาการได้สยายออกมาครั้งหนึ่งแล้ว มันก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป และสุดท้ายมาสเตอร์ทั้ง 7 และเหล่าเซอร์แวนต์ก็มารวมตัวกัน ผมพบว่าตัวเองได้กลับมาดื่มด่ำกับการเรียงร้อยเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง จะพูดว่าการลงมือทำ Fate/Zero ช่วยรักษาอาชีพนักเขียนของผมไว้ก็ว่าได้
ตอนนี้ผมกำลังเขียนผลงานที่ได้รับการกอบกู้และมีตอนจบที่สมบูรณ์แบบ หรือถ้าจะพูดให้ชัดก็คือเขียนส่วนหนึ่งของผลงานนั้น
ถูก แล้ว ผลงานอันยอดเยี่ยมที่มีชื่อว่า Fate ตอนจบร่วมกันอันสมบูรณ์แบบที่รายล้อมตัวเอกเอมิยะ ชิโร่เป็นเรื่องที่กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าตอนจบของ Zero จะออกมาทารุณซักแค่ไหน มันก็จะไม่ส่งผลต่อตอนจบที่สมบูรณ์แบบของชิ้นงานโดยรวม
ในที่สุด ตอนนี้ผมก็ได้เขียนตอนจบที่โศกสลดตามที่หัวใจเรียกร้อง ไม่ว่าผมจะเปิดเผยความมืดในหัวใจออกมาเท่าไหร่ แต่ในภาพรวมแล้วผมก็ยังคงเป็นผู้สมคบคิดของ "นักสู้แห่งความรักนาสุ คิโนโกะ" อยู่ดี
อ้อ
เอิ่ม ถึงแม้ว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาของผมไม่ได้ทั้งหมด แต่ยังไงก็ตาม การที่ทำให้ผมสามารถค้นพบ "ตัวตนที่มีความสุขกับการสร้างสรรค์" อีกครั้งก็เป็นอะไรที่ดีขึ้นมาก
ตอนนี้ผมกำลังมุ่งไปข้างหน้าทีละก้าวละก้าว ไม่ว่าในอนาคตผมจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน ณ ตอนนี้ผมก็มีความสุขมาก ๆ แล้ว
ตามแผนการณ์ที่วางไว้ Fate/Zero ควรจะจบลงใน 4 เล่ม
*talalan's Note: ในวงเล็บแปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วออกจะงง ๆ อยู่ เลยไปหาภาษาญี่ปุ่นมาอ่าน คือว่า คำว่า ความกล้า(勇気) กับ วิญญาณ(幽鬼) ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า ยูกิ เหมือนกัน เวลาพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดภาษาญี่ปุ่น IME(เหมือนตัวช่วยพิมพ์) ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นอีกคำให้ก็ได้ แล้วตอนที่จะพิมพ์คำว่า IME ก็กลายเป็น 忌め ซึ่งอ่านว่า อิเมะ อักษรตัวหน้าแปลว่าเกลียดค่ะ อุโรบุจิอาจจะใช้คำว่าวิญญาณกับเกลียดบ่อยเลยออกมาเป็นแบบนี้